กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ราชสีห์เจ้าป่า, ลาผู้ซื่อแต่เขลา และสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ได้ตกลงที่จะออกล่าเหยื่อร่วมกัน โดยมีข้อสัญญาว่าเมื่อล่าเหยื่อมาได้แล้ว จะนำมาแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม ด้วยพละกำลังของราชสีห์, ความทรหดอดทนของลา และสติปัญญาของสุนัขจิ้งจอก ทำให้พวกมันสามารถล่ากวางตัวใหญ่มาได้หนึ่งตัว
เนื้อเรื่อง
เมื่อถึงเวลาแบ่งเหยื่อ ราชสีห์ในฐานะเจ้าป่าจึงได้ออกคำสั่งให้ลาเป็นผู้จัดการแบ่งเหยื่อทั้งหมด “เจ้าลา จงแบ่งกวางตัวนี้ให้พวกเราทั้งสาม”
ลาผู้ซื่อตรงและยึดมั่นในความยุติธรรม จึงได้จัดการแบ่งเนื้อกวางออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กันทุกประการ จากนั้นมันก็กล่าวกับสหายทั้งสองว่า “ข้าได้แบ่งเนื้อออกเป็นสามส่วนเท่ากันแล้ว เชิญพวกท่านเลือกส่วนของท่านได้เลย”
ราชสีห์เมื่อเห็นว่าตนเองซึ่งเป็นถึงเจ้าป่ากลับได้ส่วนแบ่งเท่ากับสัตว์อื่นๆ ก็บังเกิดความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มันคำรามก้องแล้วตวาดว่า “เจ้ากล้าดียังไงมาแบ่งให้ข้าเท่าเทียมกับพวกเจ้า!” ว่าแล้วราชสีห์ก็กระโจนเข้าขย้ำคอลาจนตายคาที่
หลังจากนั้น ราชสีห์จึงหันไปหาสุนัขจิ้งจอกที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แล้วพูดว่า “ทีนี้ก็ตาเจ้าแล้วสหายจิ้งจอก ลองแบ่งให้ข้าดูสิ”
สุนัขจิ้งจอกเจ้าปัญญาเมื่อได้เห็นชะตากรรมของลาเป็นบทเรียน มันจึงรีบนำเนื้อส่วนของลาและส่วนของตัวเองไปกองรวมกับส่วนของราชสีห์จนกลายเป็นกองใหญ่ เหลือไว้เพียงเศษเนื้อชิ้นเล็กๆ ติดกระดูกไว้สำหรับตัวเองเท่านั้น
ราชสีห์เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งและหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยถามสุนัขจิ้งจอกว่า “ฉลาดมาก! ใครกันที่สอนให้เจ้ารู้จักแบ่งปันได้อย่างยุติธรรมเช่นนี้?”
สุนัขจิ้งจอกจึงรีบตอบกลับไปในทันทีว่า “ชะตากรรมของลานั่นแหละขอรับ ท่านเจ้าป่า”
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง ราชสีห์ ลาและหมาจิ้งจอก นี้สอนให้รู้ว่า “จงเรียนรู้จากโชคร้ายหรือความผิดพลาดของผู้อื่น เพราะมันคือบทเรียนอันล้ำค่าที่เราไม่ต้องเจ็บตัวหรือจ่ายราคาด้วยตนเอง”
พุทธภาษิต
“อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ สุตฺเตสุ พหุชาคโร” (อัปปะมัตโต ปะมัตเตสุ สุตเตสุ พะหุชาคะโร) คำแปล: ผู้มีปัญญา ไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท และตื่นอยู่เสมอในเมื่อผู้อื่นหลับ