นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ พร้อมข้อคิดสอนใจ

“ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” เป็นเรื่องราวประเภทตำนานเมือง (Urban Legend) และความเชื่อเรื่องวิญญาณที่เล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนานในสังคมไทย และมักถูกอ้างอิงในวรรณคดีและสื่อต่างๆ อยู่เสมอ เรื่องราวนี้ไม่ได้หมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นชื่อเรียกวิญญาณของเจ้าของทรัพย์สมบัติในอดีตที่ยังคงผูกพันและหวงแหนในทรัพย์ของตนเองจนไม่ยอมไปผุดไปเกิด ตำนานนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในการสอนให้เห็นถึงโทษของ “อุปาทาน” หรือความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ไม่สิ้นสุดแม้กายจะดับสูญไปแล้ว

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวของปู่โสมเฝ้าทรัพย์มีโครงเรื่องหลักที่คล้ายคลึงกันในทุกฉบับ ดังนี้

มหาเศรษฐีผู้ตระหนี่

ในอดีตกาล มักจะมีเรื่องเล่าถึงมหาเศรษฐีหรือขุนนางผู้มีทรัพย์สมบัติมหาศาล แต่กลับมีนิสัยตระหนี่ถี่เหนียวอย่างยิ่งยวด เขาใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น ไม่เคยนำทรัพย์สมบัติของตนออกมาใช้จ่ายเพื่อความสุขของตนเองหรือเจือจานผู้อื่นเลย ความสุขเพียงอย่างเดียวของเขาคือการได้นับและชื่นชมสมบัติที่เก็บซ่อนไว้

คำสาบานก่อนสิ้นใจ

เมื่อบ้านเมืองเกิดภาวะสงครามหรือเมื่อเศรษฐีรู้ตัวว่าใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ด้วยความหวงแหนและกลัวว่าทรัพย์สมบัติจะตกไปเป็นของผู้อื่น เขาจึงได้นำสมบัติทั้งหมดไปฝังไว้ในที่ลับตาคน เช่น ใต้ต้นไม้ใหญ่, ในเจดีย์ร้าง หรือภายในบริเวณบ้านของตนเอง

ก่อนที่จะสิ้นใจลง เขาได้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแรงกล้าและผูกวิญญาณของตนเองไว้กับสมบัตินั้นด้วยคำสัตย์สาบานว่า “แม้เราจะตายไปแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเราจะยังคงอยู่ที่นี่เพื่อพิทักษ์รักษาสมบัติทั้งหมดนี้ไว้ จะไม่ยอมให้ผู้ใดที่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงหรือผู้ไม่มีบุญบารมีคู่ควรได้ครอบครองไปโดยเด็ดขาด”

วิญญาณผู้พิทักษ์

เมื่อเศรษฐีสิ้นใจลง วิญญาณของเขาก็ไม่ได้ไปสู่สุคติ แต่ได้กลายเป็น “ปู่โสม” หรือวิญญาณผู้เฝ้าทรัพย์สมบัติตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้ วิญญาณนี้จะเต็มไปด้วยความหวงแหนและความโกรธแค้น และจะสิงสถิตอยู่ ณ บริเวณที่สมบัติถูกฝังไว้

จุดจบของคนโลภและการปลดปล่อย

เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนได้รับรู้เรื่องราวของขุมทรัพย์ที่ถูกฝังไว้ผ่านคำบอกเล่าต่างๆ ทำให้มีผู้ละโมบโลภมากจำนวนมากพยายามที่จะมาขุดค้นเพื่อหวังจะร่ำรวยทางลัด แต่ทุกคนที่เข้ามาด้วยเจตนาทุจริตก็จะต้องพบกับอาถรรพณ์และปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของปู่โสม ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวให้เห็น, การทำให้เจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งการเอาชีวิต จนไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาลองดีอีก

ตำนานมักจะจบลงด้วยการที่สมบัตินั้นจะปรากฏแก่ผู้ที่มีบุญบารมีและมีศีลธรรมอันดีงามเท่านั้น เมื่อบุคคลผู้นั้นมาพบเข้าโดยบังเอิญ วิญญาณของปู่โสมก็จะปรากฏให้เห็นในสภาพที่สงบและพร้อมที่จะอนุญาตให้บุคคลผู้นั้นนำสมบัติไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและศาสนา ซึ่งถือเป็นการปลดปล่อยดวงวิญญาณของตนเองให้พ้นจากบ่วงแห่งอุปาทานและได้ไปสู่สุคติในที่สุด

คติสอนใจและแง่คิด

นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ นี้ให้แง่คิดที่สำคัญหลายประการ:

  • โทษของอุปาทาน: ความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทองอย่างรุนแรง คือบ่วงที่ผูกมัดดวงวิญญาณให้ต้องทนทุกข์ทรมานและไม่สามารถไปสู่ภพภูมิที่ดีได้
  • ทรัพย์สมบัติที่แท้จริง: ทรัพย์ภายนอกเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวและไม่สามารถนำติดตัวไปได้เมื่อตายลง ทรัพย์ที่แท้จริงคือบุญกุศลและความดีงามต่างหาก
  • สมบัติผลัดกันชม: ทรัพย์สินเงินทองไม่มีเจ้าของที่แท้จริง มันจะตกเป็นของผู้ที่มีบุญบารมีคู่ควรในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

พุทธภาษิต

“อุปาทานํ ทุกฺขสฺส มูลํ” (อุปาทานัง ทุกขัสสะ มูลัง) คำแปล: อุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) เป็นรากเหง้าของความทุกข์