ในป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ มีฝูงนกกระจาบจำนวนมากอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้การนำของพญานกกระจาบผู้ชาญฉลาดและเปี่ยมไปด้วยเมตตา พญานกกระจาบคอยดูแลและปกป้องบริวารของตนเป็นอย่างดี ทำให้ฝูงนกกระจาบอยู่รอดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ มาโดยตลอด
เนื้อเรื่อง
อยู่มาวันหนึ่ง พญานกกระจาบสังเกตเห็นว่าจำนวนบริวารในฝูงของตนลดน้อยลงไปอย่างน่าใจหาย จึงได้สืบหาสาเหตุและก็พบว่ามีนายพรานคนหนึ่งแอบเข้ามาใช้ตาข่ายดักจับนกกระจาบไปขายอยู่เป็นประจำ ด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของบริวาร พญานกกระจาบจึงได้เรียกประชุมฝูงนกทั้งหมดและสอนวิธีการเอาตัวรอดจากตาข่ายของนายพราน
“เมื่อใดก็ตามที่พวกเราถูกตาข่ายคลุมตัว ให้ทุกคนพร้อมใจกันสอดหัวเข้าไปในช่องตาข่ายแล้วบินขึ้นพร้อมๆ กัน พาตาข่ายไปพาดไว้ที่ต้นหนาม แล้วพวกเราก็จะสามารถหนีรอดออกมาได้” พญานกกระจาบแนะนำ
นกกระจาบบริวารเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และก็เป็นไปตามที่พญานกกระจาบว่าไว้ พวกมันสามารถรอดพ้นจากการจับกุมของนายพรานได้ทุกครั้ง ทำให้นายพรานไม่สามารถจับนกกระจาบไปขายได้อีกเลย
แต่แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อนกกระจาบตัวหนึ่งบินร่อนลงมาอย่างไม่ระมัดระวังและได้เหยียบเข้าที่หัวของนกกระจาบอีกตัวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่านกตัวที่ก่อเหตุจะรีบกล่าวขอโทษแล้วก็ตาม แต่นกตัวที่ถูกเหยียบกลับไม่ยอมให้อภัยและเกิดเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทใหญ่โตขึ้นมา การทะเลาะกันของนกสองตัวได้ลุกลามบานปลายจนเกิดเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันขึ้นในฝูง
พญานกกระจาบพยายามเข้ามาห้ามปรามและไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่มีใครยอมฟัง มันจึงได้แต่รำพึงออกมาด้วยความเศร้าใจว่า “เมื่อใดที่ความแตกแยกและความขัดแย้งเกิดขึ้น ความพินาศย่อมจะตามมาในไม่ช้า” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว พญานกกระจาบจึงได้พาบริวารที่ยังคงมีความสามัคคีกันอยู่ส่วนหนึ่งอพยพไปหาที่อยู่ใหม่
หลังจากนั้นไม่นาน นายพรานคนเดิมก็ได้กลับมาที่ป่าแห่งนี้อีกครั้ง และเมื่อเขาทอดตาข่ายลงไป คราวนี้เหล่านกกระจาบที่แตกความสามัคคีกันก็ไม่สามารถร่วมมือกันยกตาข่ายขึ้นได้อีกต่อไป ต่างคนต่างบินไปคนละทิศคนละทางและเกี่ยงกันทำหน้าที่ สุดท้ายพวกมันทั้งหมดจึงถูกนายพรานรวบจับไปขายได้อย่างง่ายดาย
คติสอนใจ
นิทานชาดก เรื่อง นกกระจาบแตกความสามัคคี (สัมโมทมานชาดก) นี้สอนให้รู้ว่า “ความสามัคคีคือพลังอันยิ่งใหญ่ ที่ใดไร้ซึ่งความสามัคคี ที่นั่นย่อมมีแต่ความวิบัติและความพินาศ”