นิทานอีสป เรื่อง คนเลี้ยงแกะกับท้องทะเล พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง คนเลี้ยงแกะกับท้องทะเล พร้อมข้อคิดสอนใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคนเลี้ยงแกะผู้หนึ่งอาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล ในทุกๆ วัน เขาจะต้อนฝูงแกะของตนเองให้ไปเล็มหญ้าที่ทุ่งหญ้าเขียวขจีริมทะเล เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขกับความสงบสุขบนผืนดินที่เขาคุ้นเคย

เนื้อเรื่อง

วันหนึ่งขณะที่คนเลี้ยงแกะกำลังนั่งเฝ้าดูฝูงแกะของตนอยู่นั้น เขาก็ได้มองออกไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ เขาเห็นว่าผืนน้ำนั้นราบเรียบและสงบนิ่งราวกับกระจกใสแผ่นยักษ์ ความงามและความสงบของทะเลได้ทำให้เขาหลงใหลและปรารถนาที่จะได้ออกไปผจญภัยในท้องทะเลบ้าง

เขาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตบนบกที่แสนจะธรรมดาของตนเอง และได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นพ่อค้าทางทะเล

เขาจึงได้ขายฝูงแกะทั้งหมดที่ตนเองมี แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อเรือและสินค้าจำพวกอินทผลัมเพื่อที่จะนำไปขายยังเมืองที่ห่างไกล

แต่ทันทีที่เขาแล่นเรือออกไปได้ไม่ไกลจากฝั่ง พายุลมแรงก็ได้พัดกระหน่ำเข้ามาอย่างกะทันหัน คลื่นยักษ์ได้โหมซัดเรือของเขาอย่างบ้าคลั่งจนเรือแตกและอับปางลงในที่สุด สินค้าทั้งหมดของเขาจมหายไปในทะเล ส่วนตัวเขานั้นโชคดีที่สามารถคว้าแผ่นไม้ไว้ได้และถูกคลื่นซัดกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย

หลายวันต่อมา หลังจากที่พายุได้สงบลงและทะเลกลับมาราบเรียบและสงบนิ่งอีกครั้ง คนเลี้ยงแกะผู้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปก็ได้แต่นั่งมองทะเลด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

มีคนเดินทางคนหนึ่งผ่านมาเห็นทะเลที่สวยงามก็เอ่ยชมขึ้นว่า “ดูทะเลนั่นสิ ช่างสวยงามและสงบนิ่งอะไรเช่นนี้!”

คนเลี้ยงแกะเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว… มันกำลังรอคอยที่จะได้ลิ้มรสอินทผลัมอยู่ล่ะสิ”

คติสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง คนเลี้ยงแกะกับท้องทะเล นี้สอนให้รู้ว่า “อย่าได้หลงเชื่อในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสงบและสวยงาม เพราะเบื้องหลังความงามนั้นอาจจะซ่อนอันตรายที่ร้ายแรงไว้ก็เป็นได้ และประสบการณ์ที่เจ็บปวดคือบทเรียนที่ดีที่สุดที่จะสอนให้เรารู้จักระมัดระวัง”

พุทธภาษิต

“อทิฏฺเฐ น วิสฺสเส” (อะทิฏเฐ นะ วิสสะเส) คำแปล: ไม่ควรไว้ใจในสิ่งที่ยังไม่เห็นแจ้ง