สสปัณฑิตชาดก เป็นหนึ่งในนิทานชาดกที่สำคัญและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เป็นเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพญาเถื่อน (กระต่าย) ผู้มีปัญญา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการบำเพ็ญทานบารมีขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่า “ปรมัตถบารมี” คือการสละชีวิตของตนเองเป็นทาน
เนื้อเรื่อง
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดเป็นพญากระต่ายผู้มีสติปัญญาหลักแหลม อาศัยอยู่ในป่าใหญ่ร่วมกับสหายอีก 3 ตัว คือ ลิง, สุนัขจิ้งจอก, และนาก พญากระต่ายโพธิสัตว์มักจะให้โอวาทและสั่งสอนสหายทั้งสามให้ตั้งมั่นอยู่ในการให้ทาน รักษาศีล และทำความดีอยู่เสมอ
อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันอุโบสถ (วันพระ) สัตว์ทั้งสี่ได้ตั้งใจมั่นที่จะบำเพ็ญทานบารมีให้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยทำมา หากมีผู้ใดมาขออาหาร พวกเขาจะสละอาหารที่หามาได้ให้แก่ผู้นั้น
ในวันนั้นเอง ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ได้ทรงเล็งเห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของสัตว์ทั้งสี่ จึงได้ทรงจำแลงกายเป็นพราหมณ์ผู้หิวโซเดินทางมาเพื่อทดสอบบารมี
พราหมณ์ได้เดินทางไปหานากเป็นอันดับแรก นากเมื่อเห็นพราหมณ์ก็ยินดีที่จะสละปลาตะเพียน 7 ตัวที่ตนจับมาได้ให้เป็นทาน จากนั้นพราหมณ์ก็ได้เดินทางไปหาลิงและสุนัขจิ้งจอก ซึ่งทั้งสองก็ได้สละมะม่วงสุกและเหี้ยม (สัตว์ชนิดหนึ่ง) กับนมส้มให้เป็นทานตามลำดับ
สุดท้าย พราหมณ์ได้เดินทางมาหาพญากระต่ายโพธิสัตว์ พญากระต่ายเมื่อเห็นพราหมณ์ก็รู้สึกยินดีที่จะได้บำเพ็ญทาน แต่ตนเองนั้นเป็นสัตว์กินพืช ไม่มีเนื้อปลาหรือทรัพย์สินใดๆ ที่จะมอบให้ได้ ด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่จะสละทานอันยิ่งใหญ่ พญากระต่ายจึงได้กล่าวกับพราหมณ์ว่า
“ท่านพราหมณ์ เราไม่มีงาหรือนมส้มที่จะให้ท่านได้ แต่เราจะสละร่างกายของเรานี้ให้เป็นทานแก่ท่าน ท่านจงไปก่อกองไฟขึ้นเถิด เมื่อไฟลุกโชนดีแล้ว เราจะกระโดดเข้าไปในกองไฟนั้น เมื่อเนื้อของเราสุกแล้ว ท่านจงนำไปบริโภคเถิด”
พระอินทร์เมื่อได้ฟังดังนั้นจึงได้เนรมิตกองไฟอันลุกโชนขึ้น พญากระต่ายโพธิสัตว์เมื่อเห็นกองไฟก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ท่านได้สลัดขน 3 ครั้งเพื่อให้สัตว์เล็กๆ ที่อาจอาศัยอยู่บนขนของท่านกระเด็นออกไป จากนั้นจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานแล้วกระโจนเข้าสู่กองไฟนั้นในทันที
แต่ด้วยอานุภาพแห่งทานบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ ไฟนั้นกลับไม่สามารถทำอันตรายต่อพระองค์ได้เลยแม้แต่น้อย พระอินทร์จึงได้ปรากฏพระกายที่แท้จริงออกมาและได้สรรเสริญในมหาทานบารมีของพญากระต่าย จากนั้นเพื่อเป็นการประกาศคุณความดีอันยิ่งใหญ่นี้ให้ปรากฏไปทั่วชมพูทวีป พระอินทร์จึงได้นำภูเขามาบดแล้ววาดรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์ ซึ่งเป็นที่มาของตำนาน “กระต่ายในดวงจันทร์” ที่เล่าสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
คติสอนใจ
นิทานชาดก เรื่อง สสปัณฑิตชาดก (กระต่ายผู้สละชีวิต) นี้สอนให้รู้ว่า “การให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการสละสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุด แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน”
พุทธภาษิต
“ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ” (ทะทัง มิตตานิ คันถะติ) คำแปล: ผู้ให้ ย่อมผูกมิตรไว้ได้