กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวังของเจ้าชายผู้มั่งคั่งพระองค์หนึ่ง พระองค์มีลิงตัวหนึ่งซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีให้สามารถเต้นรำเลียนแบบท่าทางของมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง ลิงตัวนี้จึงกลายเป็นที่โปรดปรานของเจ้าชายและแขกเหรื่อทั้งหลาย
เนื้อเรื่อง
ในงานเลี้ยงรื่นเริงทุกครั้ง เจ้าชายจะโปรดให้ลิงตัวโปรดของพระองค์สวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามและหน้ากากของนักเต้น แล้วออกมาแสดงการเต้นรำอันน่าตื่นตาตื่นใจให้แก่แขกผู้มีเกียรติได้ชม
ลิงสามารถเต้นรำได้อย่างสง่างามและอ่อนช้อยไม่ต่างจากนักเต้นมืออาชีพ มันสามารถทำตามจังหวะดนตรีและร่ายรำด้วยท่าทางที่ซับซ้อนได้อย่างไม่มีที่ติ ทำให้แขกทุกคนที่ได้ชมต่างพากันปรบมือชื่นชมในความสามารถของมันอย่างกึกก้อง
อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่ลิงกำลังเต้นรำอวดความสามารถอยู่กลางฟลอร์เต้นรำนั้นเอง ก็ได้มีชายเจ้าปัญญาผู้หนึ่งซึ่งไม่เชื่อว่าสันดานดิบของสัตว์จะสามารถถูกกลบเกลื่อนได้ด้วยการฝึกฝน ได้คิดที่จะทดสอบลิงตัวนั้น
เขาได้โยนถั่วกำมือหนึ่งซึ่งเป็นของโปรดของลิงลงไปบนพื้นเวทีเต้นรำ
ทันทีที่ลิงได้เห็นถั่วที่มันโปรดปราน สันดานเดิมของความเป็นลิงก็ได้ปรากฏออกมาในทันที มันลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตนเองกำลังสวมบทบาทเป็นนักเต้นผู้สง่างามอยู่ มันได้ถอดหน้ากากและเสื้อผ้าอันสวยงามทิ้งไป แล้วก้มลงเก็บถั่วกินด้วยท่าทางของลิงอย่างไม่สนใจสายตาของใคร
แขกเหรื่อในงานเมื่อได้เห็นดังนั้นก็ต่างพากันหัวเราะเยาะด้วยความขบขัน ส่วนเจ้าชายก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งและได้สั่งให้นำลิงตัวนั้นออกไปจากงานเลี้ยงในทันที
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง ลิงเริงระบำ นี้สอนให้รู้ว่า “สันดานดั้งเดิมนั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก แม้จะพยายามฝึกฝนหรือปกปิดด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามเพียงใด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยวน สันดานที่แท้จริงก็จะปรากฏออกมาในที่สุด”
พุทธภาษิต
“ทุชฺชํ ตํ อนุวตฺตนํ” (ทุชชัง ตัง อะนุวัตตะนัง) คำแปล: การประพฤติตาม (สันดานเดิม) นั้น ละได้ยาก