ณ หมู่บ้านชนบทอันห่างไกล มีเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของตนเอง ด้วยความที่เป็นคนชอบโอ้อวดฐานะและความร่ำรวย เขาจึงได้ประดับประดาตนเองด้วยเพชรนิลจินดาและเครื่องประดับราคาแพงมากมาย แล้วเดินอวดไปทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำเร็จของตน
เนื้อเรื่อง
ขณะที่เศรษฐีกำลังเดินอวดความร่ำรวยของตนเองอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ทำพลอยเม็ดงามเม็ดหนึ่งหล่นหายไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ระดมชาวบ้านให้ช่วยกันออกตามหา แต่ก็ไม่มีใครหาเจอ ทำให้เขายิ่งรู้สึกเสียใจและเสียดายในทรัพย์สินของตน
เช้าวันรุ่งขึ้น มีไก่ตัวหนึ่งที่กำลังเดินคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินตามประสาอยู่นั้น มันก็ได้ไปจิกเจอกับพลอยเม็ดงามที่เศรษฐีทำหล่นไว้ ตอนแรกมันก็คิดว่าพลอยเม็ดนี้เป็นเพียงก้อนกรวดธรรมดาที่กินไม่ได้และไม่มีค่าอะไรสำหรับมัน แต่เมื่อมันเห็นว่ามนุษย์ต่างให้ความสำคัญและตามหาพลอยเม็ดนี้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย มันจึงคิดว่าพลอยเม็ดนี้คงจะเป็นของวิเศษที่สามารถทำให้มันดูโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในฝูงได้
ไก่ตัวนั้นจึงได้นำพลอยมาห้อยไว้ที่คอแล้วเดินอวดไปทั่วฝูงไก่ด้วยกัน แต่น่าแปลกที่ไม่มีไก่ตัวไหนให้ความสนใจในพลอยเม็ดงามที่มันภาคภูมิใจเลยแม้แต่น้อย พวกมันต่างมองว่ามันเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอมที่กินไม่ได้และไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกมันเลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น ไก่ตัวนั้นจึงได้เริ่มฉุกคิดขึ้นมาว่า “พลอยเม็ดนี้มีค่าสำหรับข้าจริงๆ หรือ? ในเมื่อมันไม่สามารถทำให้ข้าอิ่มท้องได้ และก็ไม่มีใครเห็นคุณค่าของมันเลย” คิดได้ดังนั้น มันจึงได้ตัดสินใจถอดพลอยเม็ดนั้นออกจากคอแล้วทิ้งไว้ที่เดิม จากนั้นก็เดินจากไปเพื่อหาอาหารกินต่อไปโดยไม่สนใจในพลอยเม็ดนั้นอีกเลย
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง ไก่ได้พลอย นี้สอนให้รู้ว่า “ของบางสิ่งอาจจะมีค่าสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ก็อาจจะไร้ค่าสำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง คุณค่าของสิ่งของไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความสวยงาม แต่อยู่ที่ประโยชน์และการนำไปใช้ให้เกิดคุณค่าที่แท้จริง”


