กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ มีกาเกเรตัวหนึ่งชอบบินรังควานสัตว์อื่นๆ อยู่เสมอ วันหนึ่งมันได้เห็นนกอินทรีกำลังโฉบลูกแกะไปกินเป็นอาหาร มันจึงเกิดความคิดคึกคะนองที่จะเลียนแบบการกระทำของนกอินทรีบ้าง
เนื้อเรื่อง
ในบ่ายวันหนึ่ง กาเกเรตัวนั้นได้บินไปเกาะอยู่บนหลังของแกะตัวอ้วนตัวหนึ่งซึ่งเป็นจ่าฝูง มันใช้จะงอยปากจิกและใช้กรงเล็บข่วนแผ่นหลังของแกะราวกับว่ามันเป็นนกอินทรีผู้ยิ่งใหญ่
แกะจ่าฝูงซึ่งมีนิสัยสงบนิ่งและอดทน ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านหรือขัดขืนใดๆ มันยังคงก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้าต่อไปอย่างใจเย็น และได้แบกกาตัวนั้นไว้บนหลังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สุนัขเลี้ยงแกะที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นว่ากากำลังรังแกแกะอย่างไม่ลดละ จึงได้เห่าเตือนขึ้นว่า “เจ้ากาทมิฬ! เจ้าช่างกล้านักที่มารังแกสัตว์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้! คอยดูเถิด หากเจ้าไปทำเช่นนี้กับสุนัขอย่างข้าบ้าง เจ้าจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม!”
กาเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะแล้วตอบกลับไปว่า
“ข้ารู้ดีน่าว่าข้าควรจะเลือกเล่นงานใครและควรจะหลีกเลี่ยงใคร” กากล่าว “ข้ารังแกผู้ที่ยอมจำนนต่อข้า แต่ข้าก็จะนอบน้อมต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้าเสมอ”
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง กากับแกะ นี้สอนให้รู้ว่า “คนพาลมักจะเลือกกดขี่ข่มเหงแต่ผู้ที่อ่อนแอหรือผู้ที่ไม่ตอบโต้ แต่จะยอมอ่อนน้อมให้กับผู้ที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากกว่าตนเองเสมอ”
พุทธภาษิต
“พาโล อตฺถํ น ชานาติ” (พาโล อัตถัง นะ ชานาติ) คำแปล: คนพาลย่อมไม่รู้จักประโยชน์ (ของความเมตตาและความกล้าหาญที่แท้จริง)