ในทุกๆ ค่ำคืน เมื่อเด็กๆ แปรงฟันและใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว จะมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ นั่นคือการมาถึงของ “รถไฟขบวนนิทรา” รถไฟขบวนพิเศษที่จะออกเดินทางเป็นเที่ยวสุดท้ายของวัน โดยมีคุณลุงดวงดาวเป็นพนักงานขับรถ และมีจุดหมายปลายทางเพียงแห่งเดียวคือ “ดินแดนแห่งนิทรา” อันแสนสงบ
เนื้อเรื่อง
เมื่อแสงไฟในห้องนอนดับลง แสงจันทร์นวลก็จะทอประกายกลายเป็นรางรถไฟสีเงินทอดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่นานนัก รถไฟขบวนนิทรา ที่สร้างจากหมู่ดาวระยิบระยับก็จะแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างเตียงอย่างแผ่วเบา ไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหัวรถจักรเป็นเพียงกลุ่มหมอกหอมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ
คุณลุงดวงดาวจะชะโงกหน้าออกมาจากห้องคนขับแล้วเป่านกหวีดซึ่งมีเสียงนุ่มนวลราวกับเสียงกระซิบ “ปู๊น… ปู๊น… ผู้โดยสารแห่งวันโปรดขึ้นรถไฟ รถไฟขบวนสุดท้ายกำลังจะออกจากชานชาลาแล้วจ้า”
แต่ผู้โดยสารของรถไฟขบวนนี้ไม่ใช่เด็กๆ หรอกนะ แต่เป็นเหล่า “ความรู้สึก” จากการผจญภัยมาตลอดทั้งวันต่างหาก
- โบกี้แรก เปิดประตูออกเพื่อต้อนรับ “เสียงหัวเราะคิกคัก” ที่ยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำ
- โบกี้ที่สอง เปิดรับ “ความตื่นเต้น” จากการวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่น
- โบกี้ที่สาม เปิดรับ “ความสงสัยใคร่รู้” ที่ยังหาคำตอบไม่ได้
- และ โบกี้สุดท้าย ก็ได้เปิดรับ “ความเหนื่อยล้า” จากการเรียนรู้และเติบโตมาทั้งวัน
เมื่อผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นมาจับจองที่นั่งเรียบร้อยแล้ว รถไฟขบวนนิทราก็จะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากห้องนอนไปอย่างช้าๆ มันแล่นผ่าน “ทุ่งแห่งการหาว” ลอดอุโมงค์ใต้ “ภูเขาแห่งความฝันหวาน” และข้าม “แม่น้ำแห่งความเงียบงัน”
ในที่สุด รถไฟก็เดินทางมาถึงสถานีปลายทาง… ดินแดนแห่งนิทรา
ณ ที่แห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหลับใหลอย่างสงบ เสียงหัวเราะได้นอนหลับอยู่บนปุยเมฆ, ความตื่นเต้นได้พักผ่อนอยู่ในเกสรดอกไม้, และความเหนื่อยล้าก็ได้ทิ้งตัวลงบนพรมหญ้าอันนุ่มนวล
และเมื่อความรู้สึกทั้งหมดของวันได้เข้าสู่การพักผ่อนแล้ว ร่างกายและจิตใจของเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงก็จะเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสงบและฝันดีได้ในที่สุด
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง รถไฟขบวนสุดท้ายสู่ดินแดนแห่งนิทรา นี้สอนให้รู้ว่า “ทุกๆ วันเต็มไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกมากมาย การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการรู้จักปล่อยวางเรื่องราวเหล่านั้นให้เดินทางไปสู่ความสงบ เพื่อที่ร่างกายและจิตใจของเราจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และตื่นขึ้นมาพร้อมรับวันใหม่ที่สดใส”
พุทธภาษิต
“สงฺขารานํ วูปสโม สุโข” (สังขารานัง วูปะสะโม สุโข) คำแปล: ความสงบระงับจากความวุ่นวาย เป็นความสุขอย่างยิ่ง