ในป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ มีกวางหนุ่มตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของนายพรานอย่างสุดชีวิต มันวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ด้วยความกลัวและความเหนื่อยล้า ในที่สุดมันก็ได้วิ่งเข้าไปในฟาร์มแห่งหนึ่งและตัดสินใจเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในคอกวัว โดยหวังว่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับมัน
เนื้อเรื่อง
เมื่อกวางหนุ่มวิ่งเข้าไปในคอกวัว มันก็รีบแทรกตัวเข้าไปนอนปะปนอยู่กับฝูงวัวและซ่อนตัวอยู่ใต้กองฟางเพื่อไม่ให้ใครเห็น วัวตัวหนึ่งเมื่อเห็นกวางเข้ามาซ่อนตัวก็รู้สึกสงสารและได้เอ่ยเตือนขึ้นว่า “เจ้ากวางเอ๋ย ที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยสำหรับเจ้าอย่างที่คิดนะ หากนายพรานตามมาเจอเข้า เจ้าจะถูกจับได้ง่ายๆ เลย” แต่กวางหนุ่มด้วยความที่ยังตื่นตระหนกและเหนื่อยล้า จึงไม่ได้ใส่ใจในคำเตือนของวัว มันคิดเพียงแค่ว่าตนเองรอดพ้นจากสายตาของนายพรานมาได้แล้ว
เมื่อถึงเวลาเย็น คนเลี้ยงวัวก็ได้เข้ามาในคอกเพื่อให้อาหารและดูแลวัวตามปกติ แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นกวางที่ซ่อนตัวอยู่เลยแม้แต่น้อย กวางหนุ่มเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจับได้ก็ยิ่งรู้สึกได้ใจและคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจริงๆ มันกล่าวกับวัวด้วยความลำพองใจว่า “เห็นไหมล่ะ ไม่มีใครเห็นข้าเลย ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก พอเรื่องเงียบแล้วข้าค่อยกลับเข้าป่า”
วัวได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอาและพูดว่า “อย่าเพิ่งชะล่าใจไปเลยเพื่อนเอ๋ย ยังมีอีกคนหนึ่งที่จะเข้ามาในคอกนี้ และเขามีสายตาที่แหลมคมกว่าคนเลี้ยงวัวเสียอีก”
และแล้วในตอนค่ำ เจ้าของฟาร์มก็ได้เดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยในคอกวัวเป็นครั้งสุดท้าย เขาเป็นคนช่างสังเกตและใส่ใจในทุกรายละเอียด เขามองไปรอบๆ คอกและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ทำไมวันนี้วัวของข้าถึงได้กินฟางน้อยกว่าปกติ และทำไมมีร่องรอยแปลกๆ บนพื้นดินด้วยนะ” ด้วยความสงสัย เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และสายตาอันแหลมคมของเขาก็ได้ไปเห็นเขากวางที่โผล่ออกมาจากกองฟาง
ในที่สุดกวางหนุ่มผู้ประมาทก็ถูกเจ้าของฟาร์มจับตัวได้ มันพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายมันก็ถูกจับมัดและกลายเป็นอาหารเย็นของเจ้าของฟาร์มในคืนนั้นเอง
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง กวางในคอกวัว นี้สอนให้รู้ว่า “อย่าเพิ่งวางใจในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะปลอดภัยแล้ว เพราะอันตรายอาจจะยังอยู่ใกล้ตัวเราเสมอ ความประมาทคือหนทางสู่ความพินาศ”

					
