“ผาแดงนางไอ่” เป็นวรรณกรรมและตำนานพื้นบ้านที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของภาคอีสานและสองฝั่งแม่น้ำโขง เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักสามเส้าที่เกี่ยวพันกันด้วยบุพเพสันนิวาสและแรงอาฆาตแค้นจากอดีตชาติ ตำนานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้อธิบายที่มาของ ประเพณีบุญบั้งไฟ และการกำเนิดของ หนองหาน ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวโศกนาฏกรรมนี้สามารถแบ่งออกเป็นช่วงสำคัญๆ ได้ดังนี้
บุพเพสันนิวาสและงานบุญบั้งไฟ
ณ เมืองเอกชะทีตา มีพระธิดาผู้เลอโฉมงามล่มเมืองนามว่า นางไอ่คำ ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ ท้าวผาแดง เจ้าเมืองผาโพงได้ยินกิตติศัพท์ความงามของนางก็เกิดความรักและได้ส่งเครื่องบรรณาการมาสู่ขอ แต่ ท้าวพังคี พระโอรสของพญานาคผู้ครองเมืองบาดาล ซึ่งเคยเป็นเนื้อคู่ของนางไอ่คำมาแต่อดีตชาติ ก็ปรารถนาในตัวนางเช่นกัน
ท้าวขอมผู้เป็นบิดาของนางไอ่คำ ได้จัดงานบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และได้ประกาศว่าหากบั้งไฟของผู้ใดขึ้นสูงที่สุด ก็จะยกนางไอ่คำให้เป็นคู่ครอง ทำให้เจ้าชายจากทั่วทุกหัวระแหง รวมทั้งท้าวผาแดงเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขัน
ภังคีในร่างกระรอกเผือก
ฝ่ายท้าวภังคี เมื่อทราบข่าวก็ร้อนรนใจอย่างยิ่ง ด้วยความที่อยากจะยลโฉมนางไอ่คำให้ได้สักครั้ง จึงได้จำแลงกายเป็น กระรอกเผือก (กระรอกด่อน) ที่งดงามน่าเอ็นดู แล้วแอบเดินทางขึ้นมายังเมืองมนุษย์
นางไอ่คำเมื่อได้เห็นกระรอกเผือกที่งดงามก็ปรารถนาจะได้มาเลี้ยงดู จึงได้รับสั่งให้นายพรานออกติดตามเพื่อจับกระรอกเผือกตัวนั้นมาให้ได้
โศกนาฏกรรมแห่งความตายและคำสาป
นายพรานได้ไล่ล่าและยิงกระรอกเผือกด้วยหน้าไม้จนเสียชีวิต ก่อนจะสิ้นใจ ท้าวภังคีในร่างกระรอกได้ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความอาฆาตแค้นว่า “ขอให้เนื้อของเรามีมากมายพอที่จะเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง และขอให้ผู้ที่ได้กินเนื้อของเรา จงประสบกับความพินาศฉิบหาย”
สิ้นคำอธิษฐาน ร่างของกระรอกเผือกก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ชาวเมืองเมื่อเห็นเนื้อมากมายก็นำไปแบ่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อยทั่วทั้งเมือง มีเพียงนางไอ่คำเท่านั้นที่รู้สึกสังหรณ์ใจและไม่ได้กินเนื้อนั้นด้วย
เมืองล่มและกำเนิดหนองหาน
ข่าวการสิ้นพระชนม์ของท้าวภังคีได้ล่วงรู้ไปถึง ท้าวสุทโธนาค พญานาคผู้เป็นบิดา พระองค์ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง จึงได้ยกกองทัพพญานาคจำนวนมหาศาลจากเมืองบาดาลขึ้นมาถล่มเมืองเอกชะทีตา
แผ่นดินได้สั่นสะเทือนและแยกออกเป็นเหวลึก กองทัพนาคได้ทำลายเมืองจนพังพินาศ และแผ่นดินก็ได้ถล่มจมลงกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น “หนองหาน”
ในขณะที่เมืองกำลังถล่มนั้น ท้าวผาแดงก็ได้ขี่ม้าเข้ามาช่วยเหลือนางไอ่คำแล้วควบม้าหนีออกจากเมือง แต่กองทัพนาคก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ ในที่สุดพญานาคตนหนึ่งก็ได้ใช้งวงฟาดรัดร่างของนางไอ่คำจนตกจากหลังม้าและจมหายไปในหนองหานนั้นเอง
คติสอนใจและแง่คิด
นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ผาแดงนางไอ่ นี้ให้แง่คิดที่สำคัญหลายประการ:
- อำนาจแห่งกรรมและบุพเพสันนิวาส: เรื่องราวทั้งหมดถูกขับเคลื่อนด้วยแรงกรรมและความผูกพันจากอดีตชาติ ซึ่งเป็นชะตากรรมที่ตัวละครไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
- ผลร้ายของความอาฆาตพยาบาท: ความแค้นของท้าวภังคีและท้าวสุทโธนาค ได้นำไปสู่การทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าความผิดที่เกิดขึ้น
- ที่มาของวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์: ตำนานนี้ได้หลอมรวมความเชื่อทางศาสนา, ความรัก, และประวัติศาสตร์ เพื่ออธิบายที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟและหนองหานได้อย่างมีชีวิตชีวา
พุทธภาษิต
“กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” (กัมมุนา วัตตะตี โลโก) คำแปล: สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม