บนท้องฟ้ายามเย็นอันกว้างใหญ่ หลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว มีเมฆน้อยสีขาวปุยน่ารักก้อนหนึ่งชื่อว่า “ปุยฝ้าย” ลอยล่องอย่างอิสระ ปุยฝ้ายมองลงไปยังโลกเบื้องล่างที่เพิ่งผ่านพ้นวันอันร้อนระอุมา เขาสังเกตเห็นว่าทุกสรรพสิ่งต่างดูเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
เนื้อเรื่อง
ดอกไม้ในทุ่งหญ้าต่างพากันห่อเหี่ยว ใบไม้ในป่าก็เต็มไปด้วยฝุ่นผง คุณกระต่ายน้อยที่ควรจะหลับใหลก็ยังคงพลิกตัวไปมาด้วยความร้อนรน แม้แต่เด็กๆ ในบ้านหลังเล็กก็ยังนอนไม่หลับเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว
เมฆน้อยปุยฝ้ายรู้สึกสงสารสรรพสิ่งเบื้องล่างจับใจ เขาจึงตั้งใจว่าในคืนนี้ เขาจะมอบของขวัญที่พิเศษที่สุดให้กับทุกคน ปุยฝ้ายจึงเริ่มออกเดินทาง เขาค่อยๆ ลอยไปรวบรวมไอเย็นและละอองน้ำเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่ในอากาศมารวมไว้ในตัวของเขาจนเต็ม
จากนั้น แทนที่จะโปรยลงมาเป็นพายุฝนที่น่ากลัว ปุยฝ้ายกลับค่อยๆ ปล่อยหยดน้ำลงมาอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลที่สุด หยดน้ำแต่ละหยดตกลงมากระทบกับสรรพสิ่งเบื้องล่างราวกับเป็นบทเพลงกล่อมนอนอันไพเราะ
ติ๊ง…ติ๊ง… หยดฝนกระทบกลีบดอกไม้ที่ห่อเหี่ยวเบาๆ ปลุกให้พวกมันตื่นขึ้นมาดื่มกินความชุ่มฉ่ำ ซู่…ซ่า… หยดฝนชะล้างฝุ่นผงออกจากใบไม้ในป่า ทำให้ผืนป่าได้หายใจอีกครั้ง แปะ…แปะ… เสียงฝนที่ตกกระทบหลังคาบ้านอย่างสม่ำเสมอ ได้กลายเป็นเสียงดนตรีกล่อมนอนที่ดีที่สุดสำหรับเด็กๆ
ไม่นานนัก โลกทั้งใบก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นสบายและความเงียบสงบ สรรพสิ่งต่างพากันหลับใหลอยู่ภายใต้บทเพลงของสายฝนกล่อมนอนจากเมฆน้อยปุยฝ้าย
เมฆน้อยปุยฝ้ายแม้จะสละหยดน้ำในตัวของเขาไปจนหมดสิ้น แต่หัวใจของเขากลับพองโตและเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้เห็นทุกคนหลับฝันดี
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง เมฆน้อยใจดีกับสายฝนกล่อมนอน นี้สอนให้รู้ว่า “ความเมตตากรุณาและการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ก็สามารถสร้างความสุขและความสงบที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนรอบข้างได้ เหมือนสายฝนพรำเบาๆ ที่ชโลมใจให้โลกทั้งใบได้หลับฝันดี”
พุทธภาษิต
“สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติ” (สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ) คำแปล: ปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข