กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาและภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ พวกเขามีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็มีความสุขตามอัตภาพ และโชคชะตาก็ได้มอบของขวัญอันล้ำค่าที่สุดให้แก่พวกเขา นั่นก็คือ ห่านวิเศษตัวหนึ่ง
เนื้อเรื่อง
ในเช้าวันหนึ่ง ภรรยาของชาวนาได้เข้าไปในเล้าเพื่อที่จะเก็บไข่ตามปกติ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบว่าห่านที่เธอเลี้ยงไว้นั้นได้ออกไข่มาเป็น “ทองคำ” ที่ส่องประกายแวววาวฟองหนึ่ง
ในตอนแรกเธอก็คิดว่าตนเองตาฝาดไป แต่เมื่อนำไข่ไปให้สามีดู ทั้งสองก็แน่ใจว่านี่คือทองคำของจริง และในวันต่อๆ มา ห่านวิเศษตัวนั้นก็ยังคงออกไข่เป็นทองคำให้แก่พวกเขาวันละหนึ่งฟองเสมอ
เวลาผ่านไปไม่นาน สองสามีภรรยาก็กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน พวกเขามีเงินทองมากมายจากการนำไข่ทองคำไปขาย แต่แล้วความโลภก็ได้ค่อยๆ เข้ามาครอบงำจิตใจของพวกเขา
“ทำไมเราต้องรอเก็บไข่วันละฟองด้วยนะ?” ภรรยากล่าวกับสามี “ในเมื่อในท้องของห่านตัวนี้จะต้องเต็มไปด้วยทองคำอย่างแน่นอน เราผ่าท้องของมันแล้วเอาทองคำทั้งหมดออกมาทีเดียวเลยไม่ดีกว่าหรือ?”
ชาวนาผู้โง่เขลาเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งสองจึงได้รีบไปจับห่านวิเศษตัวนั้นมาแล้วใช้มีดผ่าท้องของมันออกในทันที
แต่พวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังอย่างสุดซึ้ง เพราะในท้องของห่านนั้นไม่มีทองคำเลยแม้แต่ก้อนเดียว มันก็เหมือนกับห่านธรรมดาทั่วๆ ไปทุกประการ
พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืนดังที่หวังไว้เท่านั้น แต่ยังต้องสูญเสียห่านวิเศษที่คอยออกไข่เป็นทองคำให้แก่พวกเขาในทุกๆ วันไปอีกด้วย
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง แม่บ้านกับห่าน นี้สอนให้รู้ว่า “ความโลภที่อยากได้ในสิ่งที่ยังไม่มี อาจทำให้เราต้องสูญเสียแม้กระทั่งสิ่งที่เรามีอยู่แล้วไปในที่สุด หรือที่เรียกกันว่า ‘โลภมากลาภหาย’”
พุทธภาษิต
“อติโลโภ หิ ปาปโก” (อะติโลโภ หิ ปาปะโก) คำแปล: ความโลภเกินไป นำมาซึ่งความฉิบหาย