นิทานอีสป เรื่อง ลากับล่อ พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง ลากับล่อ พร้อมข้อคิดสอนใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พ่อค้าคนหนึ่งได้เตรียมสินค้าเพื่อที่จะนำไปขายในเมือง เขาได้บรรทุกสินค้าซึ่งเป็นข้าวบาร์เลย์และสิ่งของอื่นๆ ลงบนหลังของสัตว์สองตัวที่เขาเลี้ยงไว้ คือ ลาและล่อ โดยลาซึ่งมีร่างกายที่อ่อนแอกว่า ถูกบรรทุกของจนเต็มพิกัด ในขณะที่ล่อนั้นบรรทุกของที่เบากว่ามาก

เนื้อเรื่อง

ระหว่างการเดินทางอันยาวไกลภายใต้แสงแดดที่ร้อนระอุ ลาซึ่งต้องแบกของที่หนักเกินกำลังก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ มันจึงได้หันไปขอความช่วยเหลือจากล่อซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทางว่า

“สหายเอ๋ย ท่านพอจะเมตตาช่วยแบ่งเบาภาระของข้าไปบ้างได้หรือไม่? หากท่านช่วยแบ่งของจากหลังข้าไปเพียงนิดเดียว ข้าก็คงจะมีแรงเดินต่อไปได้จนถึงที่หมาย แต่หากท่านไม่ช่วย ข้าคงจะต้องล้มลงและขาดใจตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่”

แต่ล่อผู้เห็นแก่ตัวกลับปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างไม่ไยดี มันเดินเชิดหน้าแล้วพูดว่า “ไม่! นั่นมันเป็นหน้าที่ของเจ้า เจ้าก็จงแบกของของเจ้าไปเองเถิด ส่วนข้าก็จะแบกของของข้า”

พูดจบมันก็เดินนำหน้าต่อไปโดยไม่สนใจลาที่กำลังจะหมดแรงเลยแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปไม่นาน ลาก็ทนรับน้ำหนักต่อไปไม่ไหวและได้ล้มลงขาดใจตายอยู่ข้างทาง

เมื่อพ่อค้าเห็นว่าลาของตนได้ตายลงแล้ว เขาก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงได้นำสินค้าทั้งหมดที่ลาเคยแบก รวมไปถึงหนังของลาที่ตายแล้ว ย้ายไปบรรทุกไว้บนหลังของล่อทั้งหมด

ล่อจึงต้องรับภาระที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า มันเดินโซซัดโซเซไปตลอดทางและรำพึงกับตนเองด้วยความเสียใจว่า “โอ้! ข้าช่างโง่เขลาเสียจริง เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของข้าที่ไม่ยอมช่วยแบ่งเบาภาระของเพื่อนเพียงเล็กน้อยในตอนนั้น ทำให้ตอนนี้ข้าต้องมารับภาระทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว”

คติสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง ลากับล่อ นี้สอนให้รู้ว่า “การช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของเพื่อนร่วมทางในยามที่เขาลำบาก คือสิ่งที่จะช่วยให้ส่วนรวมสามารถไปถึงจุดหมายได้ในที่สุด หากเราเห็นแก่ตัว เพื่อนของเราก็อาจจะต้องพินาศ และภาระทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ที่เราแต่เพียงผู้เดียว”

พุทธภาษิต

“สหาเยสุ จ อวิสาสี” (สะหาเยสุ จะ อะวิสาสี) คำแปล: ไม่ไว้วางใจในสหาย (ในที่นี้หมายถึงการไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน)