“ขุนช้างขุนแผน” เป็นวรรณคดีไทยที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดของวรรณคดีประเภทกลอนเสภา มีต้นกำเนิดมาจากการขับเสภาเล่านิทานพื้นบ้านในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการชำระและแต่งเติมจนสมบูรณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์ เรื่องราวนี้มีความโดดเด่นจากวรรณคดีจักรๆ วงศ์ๆ ทั่วไป ด้วยการนำเสนอชีวิตและอารมณ์ของสามัญชนอย่างสมจริง สะท้อนภาพสังคม วัฒนธรรม และความเชื่อในยุคนั้นได้อย่างลึกซึ้ง โดยมีแก่นกลางของเรื่องอยู่ที่ “รักสามเส้า” อันน่าเศร้าระหว่างตัวละครเอกทั้งสาม
เนื้อเรื่อง (สรุปตามตัวละครหลักและเหตุการณ์สำคัญ)
เรื่องราวทั้งหมดมีศูนย์กลางอยู่ที่ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของคนสามคน ณ เมืองสุพรรณบุรี
ปฐมวัยแห่งมิตรภาพและรักแรก
พลายแก้ว (ขุนแผน), ขุนช้าง, และ นางพิมพิลาไลย (ต่อมาคือวันทอง) เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พลายแก้วเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม มีสติปัญญาเฉียบแหลม ส่วนขุนช้างเป็นบุตรของเศรษฐีผู้มั่งคั่งแต่มีรูปร่างอัปลักษณ์หัวล้านมาแต่กำเนิด ทั้งพลายแก้วและขุนช้างต่างก็หลงรักนางพิมพิลาไลยซึ่งเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในเมือง แต่ใจของนางพิมนั้นมีให้กับพลายแก้วเพียงผู้เดียว
ขุนแผน: วีรบุรุษผู้มากรักและอาภัพ
พลายแก้วได้บวชเป็นเณรและได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจนแก่กล้า เมื่อลาสิกขาออกมาก็ได้แต่งงานกับนางพิมพิลาไลย (ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น นางวันทอง) แต่ไม่นานก็ต้องถูกเกณฑ์ไปทัพเพื่อรบกับเมืองเชียงใหม่ เขาได้แสดงความสามารถจนรบชนะและได้รับยศเป็น “ขุนแผนแสนสะท้าน” พร้อมกับได้ นางลาวทอง เป็นภรรยาคนที่สองกลับมาด้วย
ชีวิตของขุนแผนเต็มไปด้วยความพลิกผัน เขาต้องเผชิญกับคดีความจนต้องติดคุก, การพลัดพรากจากนางวันทอง, และการต่อสู้มากมาย แต่ด้วยวิชาอาคม, ของวิเศษคู่กายอย่าง ดาบฟ้าฟื้น และ ม้าสีหมอก, รวมถึงมี กุมารทอง (ลูกชายที่ตายในท้องซึ่งขุนแผนผ่าออกมาทำพิธี) เป็นพรายกระซิบคอยช่วยเหลือ ทำให้เขารอดพ้นจากอันตรายมาได้เสมอ
ขุนช้าง: เศรษฐีผู้มั่งคั่งแต่ใจคด
ขุนช้างหลงรักนางวันทองอย่างสุดหัวใจและไม่เคยตัดใจได้เลย เมื่อขุนแผนไปรบ เขาก็ได้วางอุบายแพร่ข่าวว่าขุนแผนเสียชีวิตในสงครามแล้ว จากนั้นก็ใช้อำนาจและทรัพย์สินของตนบังคับให้นางวันทองยอมแต่งงานด้วย แม้จะได้นางวันทองมาเป็นภรรยาแล้ว แต่ความรักของเขาก็เต็มไปด้วยความหึงหวงและหวาดระแวงอยู่เสมอ เขาคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นโศกนาฏกรรม
นางวันทอง: หญิงงามผู้มีชะตากรรมน่าเศร้า
นางวันทองคือหัวใจของเรื่องราวทั้งหมด เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเห็นใจ ถูกบีบคั้นจากสังคมและผู้ชายสองคน ทำให้ชีวิตของเธอต้องระหกระเหินและไม่เคยได้พบกับความสุขที่แท้จริง แม้ใจจะรักขุนแผน แต่ก็ต้องยอมแต่งงานกับขุนช้างเพราะสถานการณ์บังคับ เมื่อขุนแผนกลับมาและลักพาตัวเธอหนีเข้าไปในป่า เธอก็ยอมไปด้วยความรัก แต่สุดท้ายก็ถูกจับกลับมาอีก
ชะตากรรมของนางวันทองสะท้อนให้เห็นถึงสถานะของผู้หญิงในสังคมยุคเก่าที่ไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง
โศกนาฏกรรมและการตัดสินครั้งสุดท้าย
เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างขุนแผนและขุนช้างดำเนินไปจนถึงรุ่นลูก คือ พระไวย (หรือพลายงาม) ลูกชายของขุนแผนกับนางวันทอง จนเรื่องราวทั้งหมดได้ถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อสมเด็จพระพันวษา
สมเด็จพระพันวษาเมื่อได้ทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดก็ทรงพิโรธอย่างยิ่ง และได้มีรับสั่งให้นางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองด้วยความสับสน รักพี่เสียดายน้อง และความกดดัน จึงไม่สามารถตัดสินใจเลือกใครได้ พระองค์จึงทรงเข้าพระทัยว่านางเป็นหญิงสองใจ และด้วยพระโทสะจึงได้มีรับสั่งให้นำตัวนางวันทองไป ประหารชีวิต แม้พระไวยจะพยายามทูลขออภัยโทษให้มารดา แต่ก็ไม่ทันการณ์
คติสอนใจและแง่คิด
นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ขุนช้างขุนแผน นี้ให้แง่คิดที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง:
- อานุภาพของกิเลสมนุษย์: เรื่องราวทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยกิเลสพื้นฐานของมนุษย์ คือ ความรัก (ราคะ), ความโกรธ (โทสะ), และความหลง (โมหะ) ซึ่งนำมาสู่ความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม
- โศกนาฏกรรมของนางวันทอง: ชะตากรรมของนางวันทองสะท้อนให้เห็นถึงการขาดอิสระในการตัดสินใจของผู้หญิงในสังคมโบราณ และผลร้ายของการที่คนเราไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว
- สัจธรรมของชีวิต: ไม่มีใครที่ดีพร้อมหรือเลวโดยสมบูรณ์ ทุกตัวละครต่างก็มีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ผิดพลาดในตนเอง
พุทธภาษิต
“ปิยโต ชายเต โสโก ปิยโต ชายเต ภยํ” (ปิยะโต ชายะเต โสโก, ปิยะโต ชายะเต ภะยัง) คำแปล: ความโศกเศร้าเกิดจากความรัก, ภัยอันตรายเกิดจากความรัก