นิทานอีสป เรื่อง เด็กชายผู้โอ้อวด พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง เด็กชายผู้โอ้อวด พร้อมข้อคิดสอนใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งที่ชอบเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ทั่วโลก แต่เขามีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็เอือมระอานั่นก็คือ เขาเป็นคนชอบพูดจาโอ้อวดหรือ “ขี้โม้” เป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่เขากลับมาถึงบ้านเกิด เขามักจะเล่าเรื่องราวการผจญภัยของตนเองให้ชาวบ้านฟังด้วยการเติมสีสันจนเกินจริงอยู่เสมอ

เนื้อเรื่อง

วันหนึ่ง หลังจากที่เดินทางกลับมาจากการผจญภัยครั้งล่าสุด เขาก็ได้ไปรวมกลุ่มกับชาวบ้านที่ลานกลางหมู่บ้าน แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวความเก่งกาจของตนเองด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าใครเพื่อน

“พวกท่านรู้ไหม! ตอนที่ข้าไปเมืองโรดส์นะ ข้าได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มาก่อนเลย!” ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกระโดดไกล และข้าก็สามารถกระโดดได้ไกลกว่านักกีฬาทุกคนในเมืองนั้นเสียอีก! ไม่มีใครในเมืองโรดส์ที่กระโดดได้ไกลเท่าข้าเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าพวกท่านไม่เชื่อ ก็ลองไปถามชาวเมืองโรดส์ดูได้ทุกคนเลย”

ชาวบ้านที่นั่งฟังต่างก็เริ่มมองหน้ากันและซุบซิบกับคำโอ้อวดของเขา ในขณะนั้นเอง ชายชราผู้มีสติปัญญาคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับชายหนุ่มจอมขี้โม้ว่า

“โอ้! ท่านผู้เก่งกาจ ท่านไม่จำเป็นต้องให้พวกเราไปถึงเมืองโรดส์เพื่อพิสูจน์ความจริงในคำพูดของท่านหรอก” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านก็ลองสมมติว่าที่นี่คือเมืองโรดส์ แล้วกระโดดให้พวกเราดูเป็นขวัญตาสักครั้งเถิด”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจอมขี้โม้ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด พูดจาตะกุกตะกัก และไม่สามารถที่จะกระโดดให้ชาวบ้านดูได้ดังที่ตนเองได้โอ้อวดไว้ ทำให้ชาวบ้านทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะและเดินหนีไป

คติสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง เด็กชายผู้โอ้อวด  นี้สอนให้รู้ว่า “การกระทำย่อมสำคัญและน่าเชื่อถือกว่าคำพูดเสมอ คนที่เอาแต่พูดโอ้อวดในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้ ย่อมได้รับความอับอายและไม่มีใครเชื่อถือ”

พุทธภาษิต

“ยถาวาที ตถาการี” (ยะถาวาที ตะถาการี) คำแปล: พูดอย่างใด พึงทำอย่างนั้น