ปัญจาวุธชาดก เป็นหนึ่งในนิทานชาดกที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระกุมารผู้มีนามว่า “ปัญจาวุธ” เพื่อแสดงให้เห็นว่าอาวุธที่แท้จริงและทรงพลังที่สุดนั้นหาใช่อาวุธภายนอกไม่ แต่คือ “อริยทรัพย์” หรืออาวุธทางปัญญาที่อยู่ภายในจิตใจ
เนื้อเรื่อง
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ได้ประสูติเป็นพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี มีพระนามว่า “ปัญจาวุธกุมาร” เมื่อพระองค์เจริญวัยขึ้น ก็ได้ทูลลาพระบิดาเพื่อไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมืองตักกศิลา จนสำเร็จวิชาการต่อสู้แขนงต่างๆ อย่างเชี่ยวชาญ
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้มอบ “อาวุธ ๕ อย่าง” อันประกอบด้วย ดาบ, หอก, ธนู, โล่ และกระบอง ให้แก่พระกุมารก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านเมือง ระหว่างทางกลับนั้น พระองค์ได้เดินทางมาถึงป่าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์กินคนนามว่า “สิเลสโลม” (แปลว่า ผู้มีขนเหนียวประดุจยางไม้)
ชาวบ้านได้พยายามห้ามปรามไม่ให้พระองค์เดินทางผ่านไป แต่ปัญจาวุธกุมารผู้กล้าหาญก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวและได้เดินทางเข้าไปในป่าแต่เพียงผู้เดียว และก็ได้เผชิญหน้ากับยักษ์สิเลสโลมตามที่คาดไว้
พระกุมารได้ใช้อาวุธทั้ง ๕ อย่างที่ตนมีเข้าต่อสู้กับยักษ์อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย
- พระองค์ยิงธนูออกไป แต่ลูกธนูก็ติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์
- พระองค์ซัดหอกออกไป หอกก็ติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์
- พระองค์ใช้ดาบฟัน ดาบก็ติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์
- พระองค์ใช้กระบองฟาด กระบองก็ติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์
- สุดท้ายพระองค์จึงใช้โล่พุ่งเข้าใส่ แต่โล่ก็ติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์อีกเช่นกัน
เมื่ออาวุธภายนอกทั้งหมดไร้ผล พระกุมารจึงได้ประกาศว่า “ดูก่อนเจ้ายักษ์! แม้ว่าอาวุธภายนอกของเราจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่เรายังมีอาวุธภายในที่ทรงพลังยิ่งกว่า นั่นคือ ‘วัชรอาวุธ’ หรือ ‘ศาสตราวุธคือญาณ’ (ความรู้) ที่อยู่ในตัวเรา!”
ว่าแล้วพระองค์ก็ได้ใช้ร่างกายของตนเองเข้าต่อสู้ ทั้งหมัด, ศอก, เข่า และศีรษะ แต่ทุกส่วนของร่างกายก็ล้วนติดอยู่กับขนเหนียวของยักษ์จนพระองค์ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังคงไม่มีความหวาดกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย
ยักษ์สิเลสโลมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดกล้าหาญและไม่กลัวตายเช่นนี้มาก่อน จึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าหนุ่มน้อย เหตุใดเจ้าจึงไม่กลัวตายเลยเล่า?”
ปัญจาวุธกุมารจึงได้ตอบกลับไปอย่างองอาจว่า “ดูก่อนเจ้ายักษ์ ชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีความตายเป็นที่สุดอยู่แล้ว จะตายช้าหรือเร็วก็ต้องตายเหมือนกัน เหตุใดเราจะต้องมาหวาดกลัวในสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเล่า และที่สำคัญ ในท้องของเรานี้มี ‘วัชรอาวุธ’ อยู่ หากท่านกินเราเข้าไป อาวุธนี้ก็จะทำลายตับไตไส้พุงของท่านจนหมดสิ้น แล้วท่านก็จะตายตามเราไปเช่นกัน”
ยักษ์เมื่อได้ฟังดังนั้นก็เกิดความกลัวตายขึ้นมาจับใจ จึงได้ยอมปล่อยพระกุมารให้เป็นอิสระและได้ให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเลิกจับมนุษย์กินเป็นอาหารอีกต่อไป
คติสอนใจ
นิทานชาดก เรื่อง ปัญจาวุธชาดก (กุมารผู้มีอาวุธ 5 อย่าง) นี้สอนให้รู้ว่า “อาวุธที่แท้จริงและทรงพลังที่สุดในการเอาชนะอุปสรรคและความชั่วร้ายนั้น ไม่ใช่อาวุธภายนอก แต่คือสติปัญญา, ความกล้าหาญ และความไม่หวาดกลัวต่อความตายที่อยู่ภายในจิตใจของเรา”
พุทธภาษิต
“อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” (อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ) คำแปล: ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน