ณ ใจกลางป่าสนแห่งหนึ่ง มีต้นโอ๊กโบราณที่ใหญ่ที่สุดในป่า ที่แห่งนั้นไม่ได้เป็นเพียงต้นไม้ธรรมดา แต่เป็น “ห้องสมุดมีชีวิต” และบรรณารักษ์ผู้ดูแลห้องสมุดนี้ก็คือ “คุณปู่โอลิเวอร์” เจ้านกฮูกผู้มีแววตาเปี่ยมด้วยปัญญาและความใจดี ท่านไม่ใช่แค่นักเล่านิทานธรรมดา แต่ท่านสามารถ “ถักทอ” เรื่องราวขึ้นมาจากแสงจันทร์, เสียงกระซิบของสายลม และความฝันของเหล่าสรรพสัตว์
เนื้อเรื่อง
แต่พักหลังมานี้ คุณปู่โอลิเวอร์รู้สึกเหงาจับใจ เพราะดูเหมือนว่าเวทมนตร์ในป่าเริ่มจางหายไป เหล่าสัตว์รุ่นใหม่ต่างก็วุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนเองจนไม่มีเวลาจะหยุดฟังนิทานอีกต่อไป
คืนหนึ่ง ขณะที่คุณปู่โอลิเวอร์กำลังมองดูดวงจันทร์อย่างเงียบๆ ก็มีลูกสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยผู้มีแววตาช่างสงสัยนามว่า “ฟินน์” ปีนขึ้นมาหาบนกิ่งไม้ “คุณปู่ฮูกครับ” ฟินน์เอ่ยถาม “เรื่องเล่าที่เขาว่ากันว่าคุณปู่ถักทอจากแสงดาวได้… มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?”
คุณปู่โอลิเวอร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก… อยากฟังไหมล่ะ?”
ว่าแล้วคุณปู่โอลิเวอร์ก็เริ่มเล่านิทาน ท่านใช้ปีกค่อยๆ รวบรวมเอาลำแสงจันทร์สีนวล, เกล็ดน้ำค้างบนใบไม้ และเสียงกระซิบของสายลมยามราตรีมาไว้เบื้องหน้า ขณะที่ท่านเริ่มเล่าเรื่อง “กระรอกน้อยผู้แบ่งปันลูกโอ๊กวิเศษ” สิ่งที่ท่านรวบรวมมานั้นก็ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นภาพเรืองแสงเคลื่อนไหว บอกเล่าเรื่องราวได้งดงามยิ่งกว่าโรงละครใดๆ
ฟินน์นั่งฟังอย่างตื่นตะลึง คืนต่อมา เขาได้ชวนเพื่อนกระต่ายขี้อายมาฟังด้วย คุณปู่โอลิเวอร์จึงได้เล่านิทานเรื่อง “หิ่งห้อยผู้กล้าหาญ” ให้ฟัง และในคืนต่อๆ มา เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ก็เริ่มทยอยกันมานั่งรอฟังนิทานจากคุณปู่โอลิเวอร์จนเต็มลานใต้ต้นโอ๊ก ป่าที่เคยเงียบเหงาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มี “หมอกแห่งความหลงลืม” อันเย็นเยียบและเงียบงันค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในป่า มันทำให้เหล่าสัตว์รู้สึกเฉยชาและเริ่มลืมเลือนเรื่องราวสนุกๆ ที่เคยได้ฟังไป
คุณปู่โอลิเวอร์รู้ดีว่านี่คือบททดสอบครั้งสำคัญ ท่านจึงได้เริ่มเล่านิทานที่ทรงพลังที่สุด นั่นก็คือ “นิทานของผืนป่าแห่งนี้” ท่านเล่าว่าป่าแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่เกิดจากความฝันและความหวังของสัตว์ทุกตัวที่เคยอยู่ที่นี่ และท่านก็ได้เชื้อเชวนให้สัตว์ทุกตัวที่กำลังฟังอยู่ ช่วยกันเล่านิทานบทต่อไปด้วยจินตนาการของพวกเขาเอง
ฟินน์เล่าถึงการผจญภัยอันกล้าหาญ, กระต่ายเล่าถึงโพรงอันแสนอบอุ่น, เหล่านกเล่าถึงท้องฟ้าที่สดใส จินตนาการของสัตว์ทุกตัวได้หลอมรวมกันกลายเป็นแสงสว่างอันอบอุ่นที่ทรงพลัง แสงนั้นได้ขับไล่หมอกแห่งความหลงลืมออกไปจนหมดสิ้น และทำให้ผืนป่ากลับมางดงามและเปี่ยมด้วยเวทมนตร์ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง เจ้านกฮูกผู้เล่านิทาน นี้สอนให้รู้ว่า “เรื่องเล่าและนิทานเป็นมากกว่าความบันเทิง มันคือจิตวิญญาณของชุมชนที่เก็บรักษาความฝัน, ความหวัง และปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น การเปิดใจรับฟังเรื่องราวจากผู้อาวุโสไม่เพียงแต่จะให้ความรู้ แต่ยังช่วยจุดประกายเวทมนตร์ในใจของเราให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง”
พุทธภาษิต
“สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ” (สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง) คำแปล: ผู้ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา