บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มีก้อนเมฆน้อยสีขาวสะอาดนามว่า “ปุยเมฆ” เขาแตกต่างจากก้อนเมฆก้อนอื่นๆ เพราะในขณะที่เมฆก้อนใหญ่กำลังฝึกรวมตัวกันเพื่อสร้างสายฝน หรือเมฆปุยบางๆ กำลังลอยตัวนิ่งๆ เพื่อประดับท้องฟ้า แต่ปุยเมฆกลับชอบที่จะ “แปลงร่าง” เป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการมากที่สุด
เนื้อเรื่อง
ปุยเมฆรู้สึกว่าความสามารถในการแปลงร่างของเขานั้นช่างไร้สาระและไม่มีประโยชน์เหมือนเพื่อนๆ เขาจึงลองพยายามทำตัวให้เหมือนเมฆก้อนอื่นดูบ้าง
เขาพยายามอุ้มหยดน้ำไว้ในตัวเพื่อจะเป็นเมฆฝน แต่เขาก็ตัวเล็กเกินไปจนทำได้แค่จามออกมาเป็นฝนเม็ดเล็กๆ เขาพยายามยืดตัวออกให้บางเบาเหมือนเมฆขนนก แต่ก็ทำได้แค่กลายเป็นก้อนปุยนุ่มๆ ที่ดูยืดยาวผิดรูป
ด้วยความน้อยใจ ปุยเมฆจึงลอยไปอย่างช้าๆ และมองลงไปยังโลกเบื้องล่าง ที่นั่น บนทุ่งหญ้าสีเขียว เขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งนอนมองท้องฟ้าอยู่ด้วยแววตาที่เบื่อหน่าย
ด้วยความนึกสนุก ปุยเมฆจึงค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างของตนเองให้กลายเป็น กระต่ายน้อย หูยาว เด็กหญิงเมื่อเห็นดังนั้นก็ตาโตเป็นประกายและหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
เสียงหัวเราะนั้นเป็นเหมือนเวทมนตร์ ปุยเมฆรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจึงเริ่มแปลงร่างต่อไป…
- เขาแปลงร่างเป็น มังกร ตัวใหญ่พ่นไอน้ำเป็นควันจางๆ
- เขาแปลงร่างเป็น หงส์ ที่กำลังสยายปีกอย่างสง่างาม
- และสุดท้าย เขาก็แปลงร่างเป็น ไอศกรีมโคนยักษ์ ที่ดูน่าอร่อยที่สุดในโลก
เด็กหญิงตัวน้อยนอนหัวเราะคิกคักและจินตนาการตามเรื่องราวที่ปุยเมฆสร้างขึ้นบนท้องฟ้าตลอดทั้งบ่าย จากวันที่น่าเบื่อหน่ายก็กลายเป็นวันที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ
เมื่อถึงเวลาเย็น ปุยเมฆก็ได้แปลงร่างเป็นรูป หัวใจดวงใหญ่ ดวงหนึ่งเพื่อเป็นการบอกลา ก่อนที่แสงอาทิตย์จะย้อมตัวเขาให้กลายเป็นสีส้มทอง ในที่สุดปุยเมฆก็ได้ค้นพบภารกิจที่สำคัญที่สุดของเขาแล้ว นั่นก็คือ การเป็นผู้สร้างสรรค์จินตนาการและมอบความสุขให้กับเด็กๆ บนพื้นดินนั่นเอง
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง ก้อนเมฆนุ่มฟูแปลงร่าง นี้สอนให้รู้ว่า “พรสวรรค์ของแต่ละคนนั้นมีคุณค่าในตัวเองเสมอ แม้บางครั้งอาจจะดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล่นสนุก แต่การมอบความสุขและจุดประกายจินตนาการให้กับผู้อื่น ก็คือหนึ่งในภารกิจที่สำคัญและสวยงามที่สุดในโลก”
พุทธภาษิต
“สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติ” (สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ) คำแปล: ปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข