ในเช้าของวันฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ มีชาวนาผู้มีจิตใจเมตตาคนหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากที่ไปทำงานในไร่มาตลอดทั้งวัน ขณะที่เขากำลังเดินผ่านทุ่งหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนนั้น สายตาของเขาก็ได้ไปสะดุดกับงูเห่าตัวหนึ่งที่นอนขดตัวนิ่งอยู่ข้างทาง
เนื้อเรื่อง
ด้วยความสงสาร ชาวนาจึงได้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ และก็พบว่างูเห่าตัวนั้นกำลังจะแข็งตายเพราะความหนาวเย็น ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยชีวิตมัน เขาก้มลงอุ้มงูเห่าตัวนั้นขึ้นมาแล้วซุกไว้ในอกเสื้อของตนเองเพื่อให้มันได้รับความอบอุ่นจากร่างกายของเขา
เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้าน ชาวนาก็ได้นำงูเห่าไปวางไว้ข้างๆ เตาผิงเพื่อให้มันได้รับความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่นานนัก งูเห่าก็เริ่มรู้สึกตัวและค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา แต่แทนที่มันจะสำนึกในบุญคุณของชาวนาผู้ช่วยชีวิตมันไว้ ทันทีที่มันฟื้นขึ้นมาอย่างเต็มที่ สัญชาตญาณของสัตว์ร้ายก็ได้เข้าครอบงำ มันได้ฉกเข้าไปที่แขนของชาวนาอย่างรวดเร็ว
ชาวนารู้สึกเจ็บปวดและตกใจเป็นอย่างยิ่ง พิษของงูเห่าได้แล่นเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสิ้นใจลง เขาได้พูดกับงูเห่าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ข้าอุตส่าห์มีเมตตาช่วยชีวิตเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับมาทำร้ายข้า นี่สินะที่เขาว่า ทำคุณบูชาโทษ”
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง ชาวนากับงูเห่า นี้สอนให้รู้ว่า “การทำความดีกับคนพาลหรือผู้ที่มีสันดานชั่วร้าย ย่อมไม่เกิดประโยชน์อันใด มีแต่จะนำภัยมาสู่ตนเองในที่สุด”

					
