บนโต๊ะข้างเตียงของ “น้องมายา” มีตุ๊กตาไขลานนักเต้นระบำตัวหนึ่งตั้งอยู่อย่างสง่างาม เธอชื่อว่า “ลิลลี่” ในทุกๆ คืน หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของลิลลี่คือการหมุนตัวร่ายรำไปตามท่วงทำนองของบทเพลงกล่อมนอนอันแสนไพเราะจากกล่องดนตรีในตัวของเธอ เพื่อส่งให้น้องมายาเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทรา
เนื้อเรื่อง
หลายปีที่ผ่านมา ลิลลี่ทำหน้าที่ของเธออย่างไม่มีที่ติ เสียงเพลงของเธอใสกระจ่างและไม่เคยผิดเพี้ยน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ลานกลไกเล็กๆ ในตัวของเธอก็เริ่มอ่อนล้าลง ท่วงทำนองที่เคยสมบูรณ์แบบก็เริ่มช้าลงและมีเสียงติดขัดบ้างในบางครั้ง ลิลลี่รู้สึกเสียใจและหวาดกลัวว่าหากเธอไม่สามารถเล่นเพลงของเธอได้อีกต่อไป น้องมายาก็คงจะไม่รักเธอแล้ว
คืนหนึ่ง น้องมายานอนป่วยและกระสับกระส่ายเป็นพิเศษ เธอจึงได้เอื้อมมือไปไขลานที่หลังของลิลลี่เพื่อหวังจะฟังบทเพลงที่คุ้นเคย
ลิลลี่รวบรวมพลังทั้งหมดที่มี พยายามหมุนตัวและบรรเลงบทเพลงของเธอให้ดีที่สุด แต่ท่วงทำนองกลับช้าและแผ่วเบาลงกว่าทุกคืน และแล้ว… กลางคันของบทเพลงนั้นเอง เสียงดนตรีก็ได้หยุดลงอย่างสิ้นเชิง ความเงียบที่น่ากลัวที่สุดได้เข้ามาแทนที่ หัวใจของลิลลี่แทบสลาย เธอคิดว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
แต่ในความเงียบนั้นเอง น้องมายากลับไม่ได้ร้องไห้งอแง เธอมองมาที่ลิลลี่ด้วยแววตาที่อ่อนโยน แล้วค่อยๆ เริ่มฮัมทำนองเพลงส่วนที่ขาดหายไปนั้นต่อเบาๆ…
เธอรู้จักบทเพลงนั้นขึ้นใจ เพราะเธอได้ฟังมันมาทุกคืนตลอดชีวิตของเธอ
น้องมายาค่อยๆ ประคองตุ๊กตาลิลลี่ผู้เงียบงันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วฮัมเพลงกล่อมนั้นต่อไปจนจบเพลง ท่วงทำนองไม่ได้ดังมาจากกล่องดนตรีอีกต่อไปแล้ว แต่ดังมาจากหัวใจของเด็กหญิงผู้รักตุ๊กตาของเธอสุดหัวใจ
ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นเอง ลิลลี่ก็ได้เข้าใจในทันทีว่า หน้าที่ของเธอไม่ได้จบลงแล้ว มันเพียงแค่เปลี่ยนแปลงไป เธอไม่ใช่แค่ตุ๊กตาไขลานอีกต่อไป แต่เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ, เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่น และเป็นผู้มอบบทเพลงที่บัดนี้ได้สถิตอยู่ในหัวใจของมายาไปตลอดกาล
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง ตุ๊กตาไขลานกับบทเพลงกล่อมนอน นี้สอนให้รู้ว่า “คุณค่าที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ไม่ได้อยู่ที่การทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอดไป แต่อยู่ในความรักและความทรงจำดีๆ ที่เราได้สร้างไว้ เมื่อสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา หน้าที่เดิมอาจจะสิ้นสุดลง แต่คุณค่าในหัวใจของผู้ที่รักเรานั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป”
พุทธภาษิต
“รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นามโคตฺตํ น ชีรติ” (รูปัง ชีระติ มัจจานัง, นามะโคตตัง นะ ชีระติ) คำแปล: รูปกายของสัตว์ทั้งหลายย่อมเสื่อมสลายไป แต่ชื่อเสียงและคุณงามความดีย่อมไม่เสื่อมสลาย