ในป่าใหญ่อันกว้างไพศาล มีราชสีห์เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ เมื่อมันแก่ชราลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถออกไปล่าเหยื่อได้ว่องไวเหมือนเคย มันจึงได้คิดอุบายอันแยบยลขึ้นมาเพื่อหลอกให้สัตว์อื่นๆ มาเป็นอาหารของมันได้อย่างง่ายดาย
เนื้อเรื่อง
ราชสีห์เจ้าเล่ห์ได้แกล้งทำเป็นป่วยหนักและนอนซมอยู่ในถ้ำของตนเอง มันส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเพื่อให้สัตว์ต่างๆ ได้ยินและเกิดความสงสาร จากนั้นมันก็ได้ประกาศออกไปทั่วทั้งป่าว่ามันกำลังป่วยหนักและอยากให้เพื่อนสัตว์ทั้งหลายแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อเป็นกำลังใจให้มันก่อนที่จะสิ้นใจ
เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่เมื่อได้ทราบข่าวก็รู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงเจ้าป่าเป็นอย่างยิ่ง พวกมันต่างพากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเดินทางมาที่ถ้ำของราชสีห์เพื่อเยี่ยมอาการป่วยในทุกๆ วัน แต่พวกมันหารู้ไม่ว่า ทันทีที่พวกมันก้าวเข้าไปในถ้ำ ราชสีห์ที่แกล้งป่วยอยู่ก็จะกระโดดเข้าตะครุบและจับกินเป็นอาหารอย่างง่ายดาย
อยู่มาวันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกผู้ชาญฉลาดก็ได้เดินทางมาถึงหน้าถ้ำของราชสีห์เช่นกัน แต่มันไม่ได้รีบร้อนเดินเข้าไปในถ้ำเหมือนสัตว์ตัวอื่นๆ มันยืนสังเกตการณ์อยู่ที่ปากถ้ำอย่างระมัดระวัง ราชสีห์เมื่อเห็นสุนัขจิ้งจอกยืนอยู่ข้างนอกจึงตะโกนถามออกไปว่า “สหายจิ้งจอก! ทำไมท่านถึงไม่เข้ามาเยี่ยมข้าข้างในเล่า หรือท่านไม่เป็นห่วงข้าเลยหรือ?”
สุนัขจิ้งจอกจึงตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “ข้าเป็นห่วงท่านอย่างสุดซึ้งเลยล่ะท่านเจ้าป่า แต่ข้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ข้าไม่กล้าเข้าไป”
“สิ่งผิดปกติอะไรกัน?” ราชสีห์ถามด้วยความสงสัย
สุนัขจิ้งจอกจึงชี้ไปที่พื้นดินแล้วพูดว่า “ข้าเห็นรอยเท้าของสัตว์มากมายที่เดินเข้าไปในถ้ำของท่าน แต่ข้าไม่เห็นรอยเท้าใดๆ ที่เดินกลับออกมาเลยแม้แต่รอยเดียว นั่นทำให้ข้าคิดว่า การยืนเยี่ยมท่านอยู่ตรงนี้คงจะเป็นการปลอดภัยที่สุดสำหรับข้าแล้ว” พูดจบ สุนัขจิ้งจอกก็รีบหันหลังและวิ่งหนีไปทันที ทิ้งให้ราชสีห์เจ้าเล่ห์ได้แต่มองตามด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอกสุนัขจิ้งจอกผู้ชาญฉลาดได้
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง ราชสีห์ป่วยกับสุนัขจิ้งจอก นี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่มีสติปัญญาและรู้จักช่างสังเกต ย่อมสามารถมองเห็นถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่และเอาตัวรอดจากกลอุบายของคนเจ้าเล่ห์ได้เสมอ”


