วิโรจนชาดก เป็นหนึ่งในนิทานชาดกที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าถึงอดีตชาติของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพญาราชสีห์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงโทษของความทะเยอทะยานที่เกินตัว และการพยายามเลียนแบบผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าโดยไม่รู้จักประมาณตน
เนื้อเรื่อง
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นพญาราชสีห์ผู้ทรงฤทธานุภาพ เป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่าทั้งปวง อาศัยอยู่ในถ้ำทองแห่งหนึ่งในป่าหิมพานต์ พญาราชสีห์มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งนามว่า “วิโรจนะ” เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิด
สุนัขจิ้งจอกวิโรจนะรับใช้พญาราชสีห์มาเป็นเวลานาน ได้เห็นความยิ่งใหญ่และอำนาจของราชสีห์ที่สัตว์ทุกตัวต่างเกรงกลัว ก็บังเกิดความทะเยอทะยานขึ้นในใจ มันเฝ้าสังเกตและคิดว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ราชสีห์เป็นใหญ่ในป่านี้? คงจะเป็นเสียงคำรามอันกึกก้องนั่นเอง ถ้าเราสามารถคำรามได้อย่างราชสีห์ เราก็คงจะได้เป็นใหญ่เหมือนกัน”
เมื่อคิดได้ดังนั้น วันหนึ่งหลังจากที่พญาราชสีห์คำรามก้องป่า สุนัขจิ้งจอกวิโรจนะจึงได้เข้าไปหาแล้วกล่าวว่า “ข้าแต่ท่านเจ้าป่า ข้าจะขอคำรามอย่างท่านบ้าง!”
พญาราชสีห์โพธิสัตว์เมื่อได้ฟังก็ทรงห้ามปรามด้วยความหวังดีว่า “ดูก่อนวิโรจนะ เจ้าเกิดมาในตระกูลสุนัขจิ้งจอก เสียงของเจ้าคือเสียงเห่าหอนอันแหลมเล็ก หากเจ้าพยายามจะคำรามอย่างเรา ก็จะได้เพียงเสียงเห่าหอนที่น่ารำคาญเท่านั้น จงพอใจในเผ่าพันธุ์ของตนเถิด อย่าพยายามทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับตนเองเลย”
แต่สุนัขจิ้งจอกผู้ลืมตนหาได้เชื่อฟังไม่ มันมัวเมาในความทะเยอทะยานของตนเอง จึงได้ขึ้นไปบนยอดเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตั้งใจจะแสดงพลังให้สัตว์ทั้งป่าได้ประจักษ์ มันสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดแล้วเปล่งเสียงออกมาสุดกำลัง แต่แทนที่จะเป็นเสียงคำรามอันน่าเกรงขาม กลับกลายเป็นเพียงเสียงเห่าหอนที่แหลมเล็กและน่ารำคาญดังเช่นเดิม
ในขณะนั้นเอง มีพญาช้างสารตัวหนึ่งกำลังหากินอยู่บริเวณใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนที่น่ารำคาญก็เกิดความโกรธ จึงได้เดินตรงมาตามเสียงนั้น และเมื่อเห็นว่าเป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ ที่กำลังทำเสียงดังน่ารำคาญอยู่ พญาช้างจึงได้ใช้เท้าเหยียบลงไปบนร่างของสุนัขจิ้งจอกวิโรจนะจนแหลกละเอียดคาที่
คติสอนใจ
นิทานชาดก เรื่อง วิโรจนชาดก (สุนัขจิ้งจอกอยากเป็นใหญ่) นี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่หลงลืมตนเองและพยายามเลียนแบบผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าโดยปราศจากความสามารถที่แท้จริง ย่อมไม่ได้รับการยอมรับ และมักจะนำพาหายนะมาสู่ตนเองในที่สุด”
พุทธภาษิต
“อตฺตานํ นาติวตฺเตยฺย” (อัตตานัง นาติวัตเตยยะ) คำแปล: ไม่ควรลืมตน