กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อีกาตัวหนึ่งได้ไปขโมยเนื้อชิ้นใหญ่มาจากหน้าต่างบ้านของชาวบ้าน มันรีบคาบเนื้อชิ้นนั้นบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้สูง เพื่อที่จะได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจ
เนื้อเรื่อง
ในขณะที่อีกากำลังจะเริ่มกินเนื้อนั้นเอง ก็ได้มีสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เมื่อมันเห็นเนื้อชิ้นใหญ่ในปากของอีกา มันก็อยากที่จะได้เนื้อชิ้นนั้นมากินเป็นอย่างยิ่ง มันจึงได้คิดอุบายที่จะหลอกล่อให้อีกาทำเนื้อหล่นลงมา
สุนัขจิ้งจอกได้เดินเข้าไปที่ใต้ต้นไม้แล้วแสร้งทำเป็นชื่นชมอีกาด้วยคำเยินยอต่างๆ นานา
“โอ้! ท่านอีกาผู้สง่างาม” สุนัขจิ้งจอกกล่าว “ข้าไม่เคยเห็นนกที่สง่างามเท่าท่านมาก่อนเลยในชีวิต ขนของท่านช่างดำขลับเป็นมันเงางามเสียจริง ท่วงท่าของท่านก็ดูองอาจราวกับเป็นราชาแห่งปักษา”
“ข้ามั่นใจว่าหากเสียงของท่านไพเราะงดงามเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกแล้วล่ะก็ ท่านจะต้องได้เป็นราชาแห่งนกทั้งปวงอย่างแน่นอน”
อีกาเมื่อได้ฟังคำเยินยอก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มและภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง มันอยากที่จะอวดเสียงอันไพเราะของตนเองให้สุนัขจิ้งจอกได้ฟังเพื่อพิสูจน์ว่ามันคู่ควรกับตำแหน่งราชาแห่งนกอย่างแท้จริง
มันจึงได้อ้าปากออกเพื่อที่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดเสียง แต่ทันทีที่มันอ้าปาก เนื้อชิ้นใหญ่ที่คาบอยู่ก็ได้พลัดตกลงมายังพื้นดินเบื้องล่างในทันที
สุนัขจิ้งจอกเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า มันรีบคาบเนื้อชิ้นนั้นแล้ววิ่งหนีหายเข้าไปในป่าทันที ทิ้งให้อีกาผู้โง่เขลาได้แต่ยืนมองตามด้วยความหิวโซและเจ็บใจ
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับอีกา นี้สอนให้รู้ว่า “อย่าได้หลงเชื่อในคำเยินยอหรือคำป้อยอจากผู้ที่ไม่หวังดี เพราะความหลงระเริงในคำสรรเสริญอาจทำให้เราต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปได้”
พุทธภาษิต
“อติมาโน หตํ ปุริสํ” (อะติมาโน หะตัง ปุริสัง) คำแปล: ความเย่อหยิ่งย่อมฆ่าบุรุษ (คน)