กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนูนาตัวหนึ่งซึ่งเกิดและเติบโตขึ้นมาในป่า มันไม่เคยเห็นโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไปกว่าทุ่งหญ้าและลำธารที่มันอาศัยอยู่เลย วันหนึ่งมันจึงตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยเพื่อหวังจะได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ
เนื้อเรื่อง
หนูนาได้เดินทางรอนแรมมาไกลจนกระทั่งมาถึงชายทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิต มันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภาพของผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
ขณะที่มันกำลังเดินเล่นอยู่บนชายหาดนั้นเอง สายตาของมันก็พลันไปเห็นหอยนางรมตัวใหญ่ตัวหนึ่งนอนอ้าฝารับแสงแดดอยู่บนพื้นทราย ด้วยความที่ไม่เคยเห็นหอยนางรมมาก่อน มันจึงคิดว่านี่คือสัตว์ชนิดใหม่ที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้โห! ดูเนื้อสีขาวนวลนั่นสิ!” หนูนาคิดในใจด้วยความตะกละ “มันจะต้องนุ่มและอร่อยกว่าอาหารทุกอย่างที่ข้าเคยกินมาในป่าเป็นแน่แท้!”
เมื่อคิดได้ดังนั้น มันจึงรีบวิ่งเข้าไปแล้วยื่นจมูกของตนเองเข้าไปในเปลือกหอยเพื่อหวังจะได้กินเนื้ออันโอชะนั้นในทันที
แต่ในพริบตาเดียวกับที่จมูกของมันสัมผัสกับเนื้อของหอยนางรมนั้นเอง หอยนางรมก็ได้หุบฝาของมันลงอย่างรวดเร็วและหนีบเข้ากับหัวของหนูนาผู้โชคร้ายอย่างจัง
หนูนาผู้ใจเร็วด่วนได้จึงต้องจบชีวิตลงในกับดักที่ตนเองวิ่งเข้าไปหาด้วยความโง่เขลาและความตะกละของตนเอง
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง หนูกับหอยนางรม นี้สอนให้รู้ว่า “การกระทำการใดๆ ด้วยความใจเร็วด่วนได้โดยปราศจากการไตร่ตรองให้รอบคอบถี่ถ้วนเสียก่อน มักจะนำมาซึ่งภยันตรายและความพินาศแก่ตนเอง”
พุทธภาษิต
“นิสมฺม กรณํ เสยฺโย” (นิสัมมะ กะระณัง เสยโย) คำแปล: คิดให้รอบคอบก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า