กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคนดักนกผู้หนึ่งกำลังเดินทางเข้าไปในป่าพร้อมกับอุปกรณ์ดักนกของเขา ในใจของเขามุ่งมั่นที่จะจับนกให้ได้มากๆ เพื่อนำไปขายในตลาด เขาเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ สายตาก็คอยสอดส่องหาเหยื่ออยู่ตลอดเวลา
เนื้อเรื่อง
ในที่สุด เขาก็ได้พบกับนกตัวอ้วนตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงร้องอย่างไพเราะอยู่บนกิ่งไม้สูง คนดักนกค่อยๆ เตรียมอุปกรณ์ของเขาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาทั้งสองของเขาจับจ้องไปที่นกบนกิ่งไม้อย่างไม่วางตา จิตใจทั้งหมดของเขามุ่งความสนใจไปที่การจับนกตัวนั้นให้ได้
เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปใต้ต้นไม้ โดยที่ใบหน้ายังคงแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อไม่ให้คลาดสายตาจากเป้าหมาย เขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยไม่ได้มองทางหรือพื้นดินที่อยู่แทบเท้าของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ข้อเท้า เมื่อเขาก้มลงมองด้วยความตกใจ ก็พบว่าตนเองได้ไปเหยียบเข้ากับงูพิษตัวหนึ่งที่กำลังนอนขดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ และมันก็ได้ฉกเข้าที่ข้อเท้าของเขาอย่างจัง
พิษร้ายได้แล่นเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากำลังจะสิ้นใจลงนั้น เขาก็ได้รำพึงกับตนเองเป็นครั้งสุดท้ายว่า
“โอ้! ข้าช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ ในขณะที่ข้ากำลังวางกับดักเพื่อผู้อื่น ตัวข้าเองกลับต้องมาติดกับดักแห่งความตายเสียเอง”
คติสอนใจ
นิทานอีสป เรื่อง คนดักนกกับงูพิษ นี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่มุ่งร้ายหรือวางแผนที่จะทำอันตรายต่อผู้อื่น มักจะจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของตนเองจนละเลยต่อภัยอันตรายที่อยู่รอบตัว และสุดท้ายก็มักจะได้รับผลร้ายนั้นกลับสู่ตนเอง”
พุทธภาษิต
“อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ” (อัตตะนา วะ กะตัง ปาปัง, อัตตะนา สังกิลิสสะติ) คำแปล: ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง