นิทานอีสป เรื่อง ไก่แจ้กับไข่มุก พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง ไก่แจ้กับไข่มุก พร้อมข้อคิดสอนใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในลานดินของฟาร์มแห่งหนึ่ง มีไก่แจ้ตัวผู้ที่ขยันขันแข็งตัวหนึ่งกำลังใช้สองเท้าของมันคุ้ยเขี่ยพื้นดินอย่างขะมักเขม้น มันกำลังมองหาเมล็ดข้าวหรือเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะนำมาประทังความหิวของตนเอง

เนื้อเรื่อง

ขณะที่ไก่แจ้กำลังคุ้ยเขี่ยพื้นดินอยู่อย่างมีความหวังนั้นเอง เท้าของมันก็ได้ไปเขี่ยถูกวัตถุแข็งๆ ชิ้นหนึ่งที่ส่องประกายแวววาวอยู่ใต้กองฟาง เมื่อมันเขี่ยดูก็พบว่าสิ่งนั้นคือ “ไข่มุก” เม็ดงามเม็ดหนึ่งซึ่งคงจะมีใครทำหล่นไว้

ไก่แจ้จ้องมองไข่มุกเม็ดนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็รำพึงกับตนเองขึ้นมาว่า

“โอ้! เจ้าช่างเป็นสิ่งที่สวยงามและส่องประกายจับตายิ่งนัก” ไก่แจ้กล่าว “หากมนุษย์ผู้หลงใหลในวัตถุมาพบเจ้าเข้า พวกเขาคงจะดีใจและนำเจ้าไปประดับเป็นเครื่องประดับอันล้ำค่าเป็นแน่”

“แต่สำหรับข้าแล้ว…” มันพูดต่อไป “เจ้าช่างไร้ค่าโดยสิ้นเชิง ข้าขอเลือกเมล็ดข้าวบาร์เลย์เพียงเมล็ดเดียว ยังจะมีค่าและมีประโยชน์สำหรับข้ามากกว่าไข่มุกเช่นเจ้าถึงร้อยเท่าพันเท่า”

พูดจบ ไก่แจ้ก็ได้เดินจากไปโดยไม่สนใจในไข่มุกเม็ดงามเม็ดนั้นอีกเลย มันยังคงมุ่งหน้าคุ้ยเขี่ยหาอาหารเพื่อประทังชีวิตของตนเองต่อไป

คติสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง ไก่แจ้กับไข่มุก นี้สอนให้รู้ว่า “คุณค่าของสิ่งของไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความสวยงามเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับประโยชน์และความจำเป็นของผู้ที่ครอบครองมัน สิ่งที่อาจจะล้ำค่าสำหรับคนหนึ่ง ก็อาจจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิงสำหรับอีกคนหนึ่งได้”

พุทธภาษิต

“สารญฺจ สารโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต” (สารัญจะ สาระโต ญัตวา อะสารัญจะ อะสาระโต) คำแปล: พึงรู้สิ่งที่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสิ่งไม่เป็นสาระ