ในทุ่งหญ้าอันกว้างไกล มีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งนามว่า “ไค” เขาไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง แต่เขามีเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกนั่นก็คือ “พี่สายลม” ในทุกๆ วัน พี่สายลมจะพัดพาไคให้ล่องลอยไปผจญภัยในสถานที่ต่างๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาคือสองสหายนักเดินทางผู้มีอิสระเสรี
เนื้อเรื่อง
พี่สายลมไม่ได้เป็นเพียงผู้พัดพา แต่ยังเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนให้ไคได้เรียนรู้เรื่องราวของโลกกว้าง
- พี่สายลมได้พัดพาไคขึ้นไปสู่ ยอดเขาที่สูงที่สุด ที่นั่น ไคได้เรียนรู้ถึง ความอดทนและความมั่นคง จากขุนเขาที่ยืนหยัดท้าทายพายุมานับพันปี
- พี่สายลมได้พัดพาไคข้ามไปยัง มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ที่นั่น ไคได้เรียนรู้ถึง ความลึกล้ำและจังหวะของชีวิต จากเกลียวคลื่นที่ซัดสาดอย่างไม่มีวันหยุดนิ่ง
- และพี่สายลมก็ได้พัดพาไคเข้าไปใน เมืองใหญ่ที่พลุกพล่าน ที่นั่น ไคได้เห็นผู้คนมากมายที่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวและชุมชน ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึง ความอบอุ่นของการเชื่อมโยงกัน
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ไคก็เริ่มรู้สึกถึงความเหงาเป็นครั้งแรก เขาจึงได้เอ่ยถามพี่สายลมขึ้นว่า “พี่สายลม… ข้าได้เดินทางไปทั่วทุกแห่งหน แต่ข้าไม่มีบ้านเหมือนคนอื่นๆ เลย ‘บ้าน’ คืออะไรกันแน่?”
พี่สายลมไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่กลับค่อยๆ พัดพาไคอย่างนุ่มนวล เดินทางย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของพวกเขา… นั่นคือทุ่งดอกแดนดิไลออนเล็กๆ ที่ไคจำความได้ว่าเขาได้หัวเราะและวิ่งเล่นอยู่ที่นั่นตั้งแต่ยังเด็ก
เมื่อเท้าของไคสัมผัสกับพื้นหญ้าอันคุ้นเคย เหล่าผีเสื้อก็บินมาทักทาย, คุณกระต่ายป่าก็ออกมาต้อนรับ, และนกตัวน้อยก็ส่งเสียงร้องต้อนรับเขากลับมา
ในวินาทีนั้นเอง ไคก็ได้เข้าใจในทันทีว่า “บ้าน” ไม่ใช่สิ่งก่อสร้างที่มีหลังคาและฝาผนัง แต่ “บ้าน” คือสถานที่ที่หัวใจของเราผูกพัน คือที่ที่เราเป็นที่รักและเป็นที่จดจำ แม้เขาจะเดินทางไปไกลแสนไกลแค่ไหน แต่ทุ่งหญ้าแห่งนี้ก็คือบ้านที่จะรอคอยการกลับมาของเขาเสมอ
คติสอนใจ
นิทานก่อนนอน เรื่อง เด็กน้อยผู้เดินทางไปกับสายลม นี้สอนให้รู้ว่า “บ้านที่แท้จริงอาจไม่ใช่สิ่งก่อสร้างหรือสถานที่ แต่คือความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่อยู่ในใจของเรา เป็นที่ที่เราเป็นที่รักและเป็นที่จดจำ การออกเดินทางไปในโลกกว้างนั้นสำคัญเพื่อการเติบโต แต่การได้รู้ว่ามีที่ให้กลับมาพักพิงนั้นสำคัญไม่แพ้กัน”
พุทธภาษิต
“จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ” (จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง) คำแปล: จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้