นิทานก่อนนอน เรื่อง กระรอกน้อยสะสมดวงดาว พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานก่อนนอน เรื่อง กระรอกน้อยสะสมดวงดาว พร้อมข้อคิดสอนใจ

ในป่าสนอันกว้างใหญ่ มีกระรอกน้อยตัวหนึ่งชื่อว่า “นัทตี้” เขาแตกต่างจากกระรอกตัวอื่นๆ เล็กน้อย เพราะในขณะที่เพื่อนๆ ขะมักเขม้นกับการเก็บลูกโอ๊กเพื่อสะสมไว้สำหรับฤดูหนาว แต่นัทตี้กลับมีงานอดิเรกที่แสนพิเศษ นั่นก็คือการ “สะสมดวงดาว”

เนื้อเรื่อง

ในทุกๆ คืน นัทตี้จะปีนขึ้นไปบนยอดสนที่สูงที่สุด แล้วใช้ใบไม้สานเป็นตะกร้าเล็กๆ คอยช้อนเก็บเศษเสี้ยวของดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เขาจะนำดาวที่เก็บได้กลับมาเก็บไว้ในโพรงไม้เก่าๆ โพรงไม้ของเขาจึงส่องสว่างไปด้วยแสงนวลตาของดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่เสมอ

แต่แล้ววันหนึ่ง คุณปู่ต้นโอ๊กก็ได้ประกาศว่า “คืนเดือนดับ” ที่มืดมิดที่สุดกำลังจะมาเยือน เหล่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยในป่าต่างพากันหวาดกลัว นัทตี้ได้ยินคุณหนูนาคุยกันว่าจะไม่กล้าออกจากรู และลูกกวางน้อยก็กลัวที่จะต้องเดินในความมืดที่มองไม่เห็นอะไรเลย

นัทตี้กลับมาที่โพรงไม้ของตนเอง เขามองดูกองดวงดาวที่ส่องสว่างซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา ในใจของเขาก็เกิดความขัดแย้งขึ้น ส่วนหนึ่งเขาอยากจะเก็บดาวทั้งหมดนี้ไว้ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว แต่อีกส่วนหนึ่ง เขาก็นึกสงสารเพื่อนๆ ที่กำลังหวาดกลัวในความมืด

หลังจากที่คิดอยู่นาน ในที่สุดนัทตี้ก็ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาค่อยๆ ทยอยคาบดวงดาวในโพรงของเขาออกไปทีละดวงๆ

เขาได้นำดาวดวงหนึ่งไปวางไว้ที่ปากรูของคุณหนูนา, นำดาวอีกหลายดวงไปแขวนไว้ตามกิ่งไม้เตี้ยๆ เพื่อส่องทางเดินให้กับลูกกวาง, และนำดาวอีกดวงไปวางไว้กลางทุ่งดอกไม้ราตรี ทำให้ดอกไม้เหล่านั้นส่องประกายงดงามในความมืด

เมื่อคืนเดือนดับมาถึง แทนที่ทั้งป่าจะมืดสนิท กลับกลายเป็นว่าทั่วทั้งป่าสว่างไสวไปด้วยแสงดาวที่นุ่มนวลซึ่งนัทตี้ได้นำไปวางไว้ เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างพากันออกมาจากที่ซ่อนอย่างมีความสุขและปลอดภัย พวกเขาทั้งหมดต่างแหงนหน้ามองไปยังโพรงของนัทตี้แล้วส่งเสียงขอบคุณ

นัทตี้นั่งอยู่ในโพรงไม้ที่บัดนี้มืดสนิทและว่างเปล่า แต่หัวใจของเขากลับรู้สึกสว่างไสวและพองโตกว่าครั้งไหนๆ เขาได้ค้นพบว่า ความสุขที่แท้จริงของดวงดาวไม่ได้มาจากการได้ครอบครองมันไว้ แต่มาจากการได้แบ่งปันแสงสว่างของมันออกไปต่างหาก

คติสอนใจ

นิทานก่อนนอน เรื่อง กระรอกน้อยสะสมดวงดาว นี้สอนให้รู้ว่า “สิ่งล้ำค่าที่เรามีอยู่นั้นจะงดงามที่สุด ไม่ใช่เมื่อเราเก็บไว้ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว แต่คือเมื่อเราได้แบ่งปันแสงสว่างนั้นออกไปให้แก่ผู้อื่น เพราะความสุขที่แท้จริงเกิดจากการให้ ไม่ใช่การครอบครอง”

พุทธภาษิต

“ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ” (ทะทัง มิตตานิ คันถะติ) คำแปล: ผู้ให้ ย่อมผูกมิตรไว้ได้