นิทานอีสป เรื่อง หมาจิ้งจอกกับจระเข้ พร้อมข้อคิดสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง หมาจิ้งจอกกับจระเข้ พร้อมข้อคิดสอนใจ

ณ ริมฝั่งแม่น้ำไนล์อันกว้างใหญ่ สุนัขจิ้งจอกเจ้าปัญญาตัวหนึ่งได้บังเอิญเดินมาพบกับจระเข้ตัวหนึ่งที่กำลังนอนอาบแดดอยู่อย่างสบายใจ ทั้งสองไม่เคยพบเจอกันมาก่อน จึงได้หยุดทักทายและพูดคุยกันเพื่อทำความรู้จัก

เนื้อเรื่อง

หลังจากที่พูดคุยกันได้สักพัก ทั้งสองก็เริ่มโต้เถียงกันในเรื่องของ “ความสูงศักดิ์แห่งวงศ์ตระกูล”

จระเข้ได้โอ้อวดขึ้นก่อนด้วยความภาคภูมิใจว่า “วงศ์ตระกูลของข้านั้นสูงส่งและน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง บรรพบุรุษของข้าล้วนเป็นถึงนักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ที่ฝึกฝนร่างกายอยู่ในโรงยิมเนเซียมมาอย่างยาวนาน” (ในยุคกรีกโบราณ โรงยิมเนเซียมเป็นสถานที่สำหรับชนชั้นสูง)

สุนัขจิ้งจอกเมื่อได้ฟังคำโอ้อวดที่ดูเกินจริงของจระเข้ก็รู้สึกขบขัน มันจึงได้ตอบกลับไปอย่างมีไหวพริบว่า

“โอ้! ท่านไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความไปหรอกเพื่อนเอ๋ย” สุนัขจิ้งจอกกล่าวพลางชี้ไปยังผิวหนังอันหยาบกระด้างและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของจระเข้

“เพราะผิวหนังของท่านที่ดูราวกับถูกฟาดด้วยแส้มานับครั้งไม่ถ้วนนั้น ก็เป็นพยานให้กับคำพูดของท่านได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว” (เป็นการเสียดสีว่าผิวของจระเข้ดูเหมือนผิวของทาสที่ถูกเฆี่ยนตี ไม่ใช่ของชนชั้นสูง)

คติสอนใจ

นิทานอีสป เรื่อง หมาจิ้งจอกกับจระเข้ นี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ที่ชอบโอ้อวดในสิ่งที่ตนเองไม่ได้เป็น มักจะถูกผู้ที่มีปัญญามากกว่าจับผิดได้จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนตัวของพวกเขาเอง”

พุทธภาษิต

“โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธุ” (โมกโข กันละยาณิยา สาธุ) คำแปล: การเปล่งวาจาไพเราะ นำมาซึ่งความสำเร็จ (ในที่นี้หมายถึง วาจาที่ฉลาดสามารถเอาชนะคำโอ้อวดได้)